หุ้น DTAC และ TRUE กอดคอร่วงแรง หลังจากทั้งสองบริษัทประกาศยกเลิกขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ด้วยความสมัครใจ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) แม้ว่าจะยังเดินหน้าขั้นตอนการควบรวมกิจการตามแผน
เมื่อเวลา 14.42 น.หุ้น DTAC ร่วงลง 6.70% มาที่ 41.75 บาท หรือลดลง 3.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 726.06 ล้านบาท
ขณะที่ TRUE ลดลง 3.21% มาที่ 4.82 บาท หรือลดลง 0.16 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 636.62 ล้านบาท
บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เปิดเผยว่า บริษัท ซิทริน โกลบอล จำกัด และ Citrine Venture SG Pte Ltd ได้ประกาศยกเลิกการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TRUE และ DTAC โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน เนื่องจากเงื่อนไขบังคับก่อนทำคำเสนอซื้อฯ ยังไม่แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา 1 ปี นับจากวันที่ 20 พ.ย.64 ซึ่งเป็นวันประกาศเจตนา
ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที ทจ. 12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์ เงือนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
อย่างไรก็ดี ทั้งสองบริษัทจะยังคงดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการควบบริษัทระหว่าง TRUE และ DTAC ต่อไป หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมที่สำคัญเกี่ยวกับการพิจารณาของบริษัทเกี่ยวกับการควบบริษัทจะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
DTAC ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนของ DTAC และ TRUE สามารถทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป หรือถือหลักทรัพย์ต่อเพื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทใหม่ที่จะดำเนินการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป
ทั้งสองบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาสรุปกระบวนการที่จำเป็นต่อการดำเนินการควบรวมกิจการ และยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 66 บริษัทใหม่ซึ่งเป็นบริษัทเทเลคอม-เทคโนโลยีจะก้าวสู่โอกาสในการให้บริการลูกค้าและเพิ่มมูลค่าการลงทุนมากยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างประโยชน์ให้กับคนไทย สังคม เศรษฐกิจ และประเทศไทยต่อไป
ขณะที่แหล่งข่าวจาก TRUE เปิดเผยว่า การยกเลิกทำเทนเดอร์ เนื่องจากกรอบเวลาการทำตามเงื่อนไขก่อนเทนเดอร์ครบ 1 ปีแล้วนับจากวันที่ 20 พ.ย.64 เนื่องจากการพิจารณาการควบรวมกิจการทั้งสองแห่งของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ล่าช้ากว่าที่ทั้งสองรายกำหนดไว้เบื้องต้นราว 5 เดือน
อย่างไรก็ดี ในส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยยังคงสามารถใช้สิทธิรับการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่หลังควบรวมในอัตราเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง คือ 1 หุ้นเดิมของ TRUE ต่อ 0.60018 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมของ DTAC ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่ ทั้งนี้ บริษัทใหม่จะมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วจำนวน 138,208,403,204 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 34,552,100,801 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท
ระหว่างนี้ กสทช.อยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารควบรวมกิจการ หลังจากมีมติรับทราบการควบรวม และคาดว่าขั้นตอนการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 1/66 จากเดิมที่คาดว่าอาจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีปี 65
"ขั้นตอนการควบรวมกิจการยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ตัดขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อออกไป รวมถึงการจัดทำแผนธุรกิจของบริษัทใหม่ก็ยังคงดำเนินการ"แหล่งข่าว กล่าว
ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่าประเด็นนี้เป็นแค่ปัจจัยลบระยะสั้นต่อราคาหุ้น TRUE และ DTAC เนื่องจากการทำเทนเดอร์ฯ ไม่ได้เป็นข้อบังคับในการควบรวมครั้งนี้ จึงไม่ได่มีผลต่ออการควบรวมกิจการ เนื่องจากเป็นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนอาจมีทางเลือกน้อยลง เพราะหากมีการทำเทนเดอร์ฯ ก็มีโอกาสที่จะได้รับเงินสดมาก่อน แต่เมื่อไม่มีการทำเทนเดอร์แล้วนักลงทุนก็ต้องถือหุ้นต่อไปเพื่อนำไปแปลงเป็นหุ้นบริษัทใหม่ ซึ่งตรงนี้อาจใช้ระยะเวลาในการปรับโครงสร้างธุรกิจอีกสักระยะหนึ่งกว่าจะแล้วเสร็จ จึงอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น
แนะนักลงทุนที่ซื้อเก็งกำไรระยะสั้นให้ยอมขายหุ้นออกไปก่อน เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนแล้ว หรือเมื่อไม่มีการทำเทนเดอร์ฯในราคาที่สูงกว่าราคาเข้าซื้อ ก็ไม่มีอะไรจูงใจ อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันอัพไซด์เริ่มจำกัด หลังจากปรับตัวขึ้นมาเข้าใกล้ราคาเหมาะสม โดย TRUE ให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 5.20 บาท และ DTAC ให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 48-50 บาท
ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว สามารถถือลงทุนต่อไปได้ เนื่องจากไม่ได้มีผลกระทบในเชิงพื้นฐาน