บลจ.กสิกรไทย จัดตั้ง 2 กองทุน SSF และ RMF ใหม่ เพื่อเติมเต็มให้ครอบคลุมทุกรูปแบบการลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเคตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อการออม (K-SF-SSF) เปิดเสนอขายในวันที่ 22 พ.ย. 65 และกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม เพื่อการเลี้ยงชีพ (K-GINCOME-RMF) เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ย. 65
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า กองทุน K-GINCOME-RMF เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และต้องการลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตเกษียณ ด้วยการกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกเพื่อให้แต่ละประเภทสินทรัพย์ทำหน้าที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนในภาวะตลาดที่แตกต่างกัน
K-GINCOME-RMF มีนโยบายการลงทุนผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds - Global Income Fund, Class I (mth) - USD (hedged) ที่กระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 3,000 ตัวเฟ้นหาสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอ อาทิ หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง ตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับน่าลงทุน (Investment Grade) และตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่ลงทุนได้ (Non-Investment Grade) เป็นต้น ผ่านกลยุทธ์การปรับสัดส่วนสินทรัพย์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยผู้จัดการกองทุนเป็นทีมบริหารชุดเดียวกับที่บริหารให้กับกองทุน K-GINCOME-SSF ซึ่งมีผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาติดอันดับ 2 nd Quartile ในกลุ่ม Global Allocation SSF (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 31 ต.ค. 65)
ส่วนกองทุน K-SF-SSF เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยต้องการพักเงินในช่วงที่ตลาดยังมีความผันผวนก่อนสับเปลี่ยนไปยังกองทุน SSF ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นในช่วงที่ตลาดเริ่มคลี่คลาย ทั้งนี้ K-SF-SSF มีนโยบายการลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นตราสารหนี้ไทยระยะสั้นที่มีเครดิตดี ด้วยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูงในตลาดตราสารหนี้ไทย การันตีฝีมือได้จาก 3 รางวัลแชมป์จากเวทีในระดับประเทศและระดับสากล ได้แก่ รางวัล Most Prominent Fund House - Corporate Bond Market (5 ปีซ้อน) จาก ThaiBMA Best Bond Awards 2021, รางวัล Best Fund House - Domestic Fixed Income จาก Morningstar Fund Awards 2022 และล่าสุดกับรางวัล Top Investment Houses -Asian Local Currency Bond (9 ปีซ้อน) จาก The Asset Benchmark ResearchAwards 2022
"สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกตลาดยังมีความกังวลต่อโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และผลจากการเร่งดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกอีกทั้งการคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนในระยะถัดไปที่อาจมีโอกาสถูกปรับลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดยังคงมีความผันผวนในระยะสั้นอยู่สูง สำหรับตลาดตราสารหนี้ไทยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นสะท้อนการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 1.25% ในวันที่ 30 พ.ย.นี้และปรับเพิ่มขึ้นจนถึงระดับ 2.00% ในอีก 1 ปีข้างหน้า" นายสุรเดช กล่าว