นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้จากการขายในไตรมาส 4/65 โตกว่าไตรมาส 3/65 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขายและการผลิตยังทำได้ดี ขณะที่แนวโน้มราคาก๊าซฯ และถ่านหิน ยังสามารถยืนในระดับสูงอยู่ จากเป็นช่วงฤดูหนาว ทำให้มีความต้องการใช้จากหลายๆ ประเทศ แม้ราคาถ่านหินจะมีช่วงที่อ่อนตัวลงไปบ้างจากกฎระเบียบของประเทศจีนที่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตธุรกิจไฟฟ้า
"เรายังไม่มีการ Hedging ราคาถ่านหิน โดยยังอยู่ระหว่างรอดูสถานการณ์ไปก่อนในไตรมาส 4/65 เนื่องจากมองว่าราคาถ่านหินปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่แข็งแรงพอสมควร และกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวด้วย จึงมองว่าราคายังมีความผันผวนอยู่เล็กน้อย และยังไม่ต้องรีบเข้าไปทำ Hedging แต่จะพยายามขายถ่านหินที่คงราคาไว้กับลูกค้าให้มากขึ้น เช่นเดียวกันก๊าซฯ เราก็ยังไม่รีบเข้าไปทำเพิ่ม" นางสมฤดี กล่าว
สำหรับธุรกิจไฟฟ้า ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.บ้านปู พาวเวอร์ (BPP) ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการทำดิวดิลิเจนท์ในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายแห่งในสหรัฐ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนด้วย ซึ่งแต่ละโครงการอยู่ระหว่างการเจรจา และรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในพอร์ตก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งรีนิวเอเบิล และเทอร์โมพาวเวอร์ โดยบริษัทยังคงเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 68 รวมทั้งสิ้น 5,300 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ปล่อยมลพิษต่ำ (HELE) และ Thermal 4,500 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 3,200 เมกะวัตต์
ส่วนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในระยะเวลาอันใกล้นี้จะไม่มีแล้ว โดยล่าสุด บริษัทฯ อยู่ระหว่างการนำ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนใน New York Stock Exchange
ขณะที่แนวโน้มการเติบโตในปี 66 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเติบโตในด้าน Greener & Smarter หรือในบ้านปูเพาวเวอร์ และบ้านปูเน็กซ์ เป็นหลัก