JMART ปรับลง 7.39% หรือลดลง 3.25 บาทมาที่ 40.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 848.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 16.04 น. จากราคาเปิด 44.25 บาท ราคาสูงสุด 44.50 บาท ราคาต่ำสุด 40.00 บาท
นายนฤดม มุจจลินทร์กูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น บมจ.เจมาร์ท (JMART) ปรับลงมาจาก บมจ.วีจีไอ (VGI) ทยอยขายหุ้น JMART ออกมา ซึ่ง VGI เข้าลงทุน JMART ที่ราคาประมาณ 30 บาท/หุ้นราว 15% เมื่อช่วงปลายปี 64 ซึ่งทำให้สัดส่วนถือหุ้น JMART ลงมาเหลือ 14%
ทั้งนี้ คาดว่า VGI ขายหุ้น JMART เพื่อช่วยให้บริษัทมีกำไรหลังจากที่ขาดทุนธุรกิจหลัก และคาดว่าไตรมาส 4/65 ก็ยังขาดทุนต่อก็กังวลว่าจะขาย JMART ออกมาอีก ซึ่งผู้บริหาร VGI ให้ความเห็นว่าการขายหุ้น JMART ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ก็ทำให้เป็นแรงกดดันหุ้น JMART
นอกจากนี้ ประเด็น Catyst ลงทุนในปี 65 จบแล้ว หลังได้ประกาศการลงทุนออกมาหมดแล้ว โดยใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 3 พันล้านบาท ล่าสุดลงทุนร้าน สุกี้ตี๋น้อย ไปแล้ว ทำให้การลงทุนใหม่ไม่มีแล้ว ซึ่งคาดว่าในระยะนี้บริษัทก็ต้องมาดูแลการบริหารจัดการกับสิ่งที่ลงทุนไปก่อนหน้า
และคาดว่า JMART จะมีผลประกอบการต่ำกว่าที่เราคาด โดยคาดปี 65 มีกำไรปกติ 1.9 พันล้านบาท แต่ในงวด 9 เดือนมีกำไรปกติ 1 พันล้านบาท ขณะที่ บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ซึ่ง JMART รับรู้กำไร 70% นั้น ในปีนี้ซื้อหนี้ได้น้อยกว่าคาด ทำให้ปรับงบประมาณ JMT ลง ทำให้กำไรของ JMART ไม่ดีตามที่ประเมิน ความน่าสนใจก็น้อยลง ประกอบกับราคาหุ้นหลุดแนวรับ 43 บาททำให้มีแรงทยอยขายออกมา
อย่างไรก็ดี แนะให้รอติดตามผลประกอบการไตรมาส 4 ก่อน โดยอาจได้แรงส่งจาก บมจ.เจอเอส แอสเซ็ท (J) ที่จะเปิดโครงการดูแลผู้สูงอายุใน ธ.ค.นี้ , ธุรกิจมือถือ J Mobile ที่จะอยู่ในช่วงไฮซีซั่น ที่ส่งสัญญาณดีไปถึงปีหน้า คาดว่าอาจเป็นจุดกลับตัว หรือจะทยอยสะสมได้ ทั้งนี้ ได้ปรับเป้าหมายลงจาก 66 บาท เป็น 60 บาท