นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กล่าวว่า ในช่วงที่ทุกฝ่ายพยายามร่วมกันหาทางออกให้คนไทยได้รับชมฟุตบอลโลก 2022 ได้ทันเวลา ทรู ยินดีและพร้อมสนับสนุนงบประมาณ 300 ล้านบาท และลงทุนแม่ข่ายในการถ่ายทอดสดเพื่อคนไทย ได้มีเวลาแห่งความสุขในการรับชม World Cup 2022 และที่ผ่านมา กลุ่มทรู ยังพร้อมมอบสิทธิเปิดให้ช่องทีวีดิจิทัลอื่นๆ ได้ออกอากาศการแข่งขัน 16 แมตช์ของฟุตบอลโลก 2022 คู่ขนานกับช่องทรูโฟร์ยูในระบบโทรทัศน์ภาคพื้นดิน เพื่อให้คนไทยได้มีความสุขกับมหกรรมกีฬาครั้งนี้
กลุ่มทรู ในฐานะผู้ได้รับสิทธิ์จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จึงยืนยันถึงสิทธิตามที่การกีฬาแห่งประเทศไทย และกลุ่มทรูได้ทำข้อตกลงกันไว้ อันเป็นไปตามมาตรฐานของทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ การคำนึงถึงกฎหมายลิขสิทธิ์ยังได้ถูกระบุอยู่ในประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (กฎ Must Carry) ของ กสทช. รวมทั้งแนวปฏิบัติตามกฎ Must Carry ที่ระบุว่า การให้บริการโทรทัศน์ตามกฎ Must Carry จะต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย
ดังนั้น จึงอยากให้คนไทยทุกคนเข้าใจและช่วยกันดูแล ไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่อาจทำให้คนทั้งประเทศต้องเสี่ยงต่อการถูกเจ้าของลิขสิทธิ์ระงับสิทธิ์ หากปล่อยให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา และเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้ประเทศไทย หาเอกชนมาลงทุนในคอนเทนต์ระดับโลกได้ยากมากขึ้นทุกปี เพราะยากต่อการคุ้มทุน และเสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิ์ ดังนั้นความเข้มแข็งในการปฏิบัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในอนาคตจากทุกภาคส่วน หากแก้ให้ถูกต้องตั้งแต่วันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน
"ในฐานะที่กลุ่มทรู เป็นผู้ประกอบการที่นำเข้าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลก เราให้ความสำคัญและเคารพสิทธิดังกล่าวมาโดยตลอด และหากมีผู้ประกอบการรายอื่นได้รับสิทธิคอนเทนต์ระดับโลก กลุ่มทรู ยืนยันได้ว่าไม่เคยกระทำการฝ่าฝืนหรือเรียกร้องใดๆ เพราะเรากังวลถึงผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย ดังนั้น ในกรณีนี้ บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของผู้ได้รับสิทธิที่ถูกต้องต่อไป ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งยังคุ้มครองสิทธิของประเทศ และประชาชนชาวไทย ให้ได้รับชมคอนเทนต์ระดับโลกต่อไปในอนาคตอีกด้วย" นายธีรเดช กล่าว