นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล (SAF) เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน (แบบไฟลิ่ง) ให้มีผลบังคับใช้แล้ว เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 80 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 1.93 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจองซื้อในวันที่ 29-30 พ.ย. และ 1 ธ.ค.65
ทั้งนี้ บริษัทเห็นควรว่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นในช่วงนี้ เนื่องจาก บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) เข้ามาหารือถึงระยะเวลาการเตรียมตัวที่ไม่เพียงพอในการกระจายหุ้นให้แก่นักลงทุนรายย่อย ทางบริษัทฯ จึงมีความเห็นที่จะปรับเปลี่ยนช่วงเวลาจองซื้อหุ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามามีส่วนร่วมกับการเติบโตของบริษัทฯ
ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจขยับวันเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ SAF ออกไปก่อน โดยได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน พร้อมทั้งคำนึงถึงความเหมาะสมในการกระจายหุ้นสู่นักลงทุนรายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และขอยืนยันว่าบริษัทฯ ยังคงมีความพร้อมที่เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะมีการแจ้งรายละเอียดของกำหนดการใหม่ให้ทราบอีกครั้ง
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า SAF มี บล.เอเชีย เวลท์ (AWS) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai และมี บล.ไอร่า เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Co-Underwriter) ซึ่งคาดว่าอาจจะมีปัญหาในขั้นตอนการกระจายหุ้นบางจุด หลังจากโบรกฯทั้งสองรายได้รับผลกระทบจากกรณีการฉ้อโกงหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE)
โดยเฉพาะกรณีของ AWS ที่ต้องระงับการดำเนินธุรกิจเนื่องจากเงินกองทุน NC ไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ทำให้ลูกค้าต้องย้ายหลักทรัพย์ในพอร์ตออกไปเทรดกับโบรกเกอร์รายอื่น ถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านการจัดการบัญชีของลูกค้า ทำให้ไม่สามารถจัดสรรหุ้น IPO ให้กับลูกค้าได้
SAF เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเกรดพิเศษของประเทศไทย โดยมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปี สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพสูง จากบริษัทระดับโลกในประเทศเยอรมนี อาทิ DORRENBERG EDELSTAHL GmbH และ WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH นอกจากนี้ ยังมีการต่อยอดรายได้จากบริการชุบเหล็กกล้าที่ครบวงจร ตลอดจนศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับกลุ่มลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง