นายกิตติพงษ์ เลิศวนางกูร กรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ บมจ.เมคทูวิน โฮลดิ้ง (MTW) เปิดเผยว่ากระแสตอบรับที่ดีในการจองซื้อหุ้น IPO ของ MTW ในระหว่างวันที่ 25,28 และ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีผู้แสดงความสนใจเข้ามาเกินความคาดหมายตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้จองซื้อ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของ MTW ที่มีความแข็งแกร่ง นักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากลูกค้า คู่ค้ามาอย่างยาวนานด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ประกอบกับการกำหนดราคาที่เหมาะสม พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E)
โดยราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.88 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 48.58 เท่า (Fully Diluted) ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) เท่ากับ 19.98 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ เท่ากับ 337.00 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.059 บาท จึงสนับสนุนให้หุ้น IPO จำนวน 87 ล้านหุ้นที่เสนอขายได้รับการจองซื้อจากนักลงทุนหมดทั้งจำนวนและเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรม ในวันแรก 6 ธันวาคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2.88 บาท
ด้านนายสัมฤทธิ์ชัย ตั้งหะรัฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พาย แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เมคทูวิน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTW เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอ MTW ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ รวมทั้งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพในธุรกิจดังกล่าว จึงประเมินว่า MTW จะเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะนักลงทุนซึ่งพลาดโอกาสในการจองซื้อหุ้น IPO ช่วงที่ผ่านมา สามารถซื้อหุ้น MTW ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันแรกบนกระดานหลักทรัพย์ได้
นายกฤตเมธ ตั้งพิชญโพธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมคทูวิน โฮลดิ้ง (MTW) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 250.56 ล้านบาท หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว บริษัทฯ จะนำไปใช้สำหรับลงทุนในกิจการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยการเพิ่มทุนในบริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ตามสัดส่วนการลงทุน จำนวน 210 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ดังนี้
1. ชำระหนี้สถาบันการเงิน 72 ล้านบาท 2. ชำระค่าก่อสร้างอาคารโรงงานและสำนักงาน 53 ล้านบาท 3. ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ 60 ล้านบาท 4. ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากในเดือนกันยายน 2565 บริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด มีการซื้อที่ดินพร้อมอาคารจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ จำนวน 90.69 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน จำนวน 72 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้ยืมจาก MTW และในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทเดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด มีแผนที่จะก่อสร้างอาคารโรงงานและสำนักงานในที่ดินดังกล่าว จำนวน 53 ล้านบาท และสั่งซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ จำนวน 60 ล้านบาท และเงินจำนวนที่เหลือบริษัทฯ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ
"การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ครั้งนี้เป็นการปลดล็อกศักยภาพในการเติบโต เพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามนโยบายและแผนงานที่วางไว้ในระยะยาว สร้างการเติบโตด้วยความพร้อมของฐานเงินทุน โอกาสทางธุรกิจที่จะตามมาอีกมากมาย นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการและหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทได้กำหนดไว้" นายกฤตเมธ กล่าว