บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่ม Tourism, ICT distributor และ Shipping & logistics เป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากทางการจีนอาจผ่อนปรนมาตรการโควิด และจะเปิดให้มีการเดินทางมากขึ้น
รายงานข่าวที่ระบุว่ารัฐบาลจีนอาจผ่อนคลายมาตรการโควิด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนเปิดเผยว่ารัฐบาลมีแผนเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับคนชรา โดยมีเป้าหมายก้าวผ่านอุปสรรคสำคัญที่ขวางทางการผ่อนปรนนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ ซึ่งไม่เป็นที่นิยม
ขณะที่มีการประท้วงจากความไม่พอใจนโยบายควบคุมโควิดอย่างเข้มงวดขยายวงมากขึ้น ทั้งกรุงปักกิ่ง เมืองซีอาน นานกิง อู่ฮั่น เฉิงตู และนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งการประท้วงลักษระนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจีนแผ่นดินใหญ่ อย่างน้อยในช่วง 10 ปีนี้ โดยมีการชูกะดาษขาวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พร้อมตะโกนเรียกร้องให้ยกเลิกการล็อกดาวน์ทั้งในอุรุมชี ซินเจียง และทั้งประเทศจีน รวมถึงเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออก
บล.ดาโอ มองเป็นบวกต่อสถานการณ์ในจีนที่เริ่มเร่งฉีดวัคซีนมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายที่จะรับมือกับโควิดได้ดีมากขึ้นในอนาคต ส่วนการประท้วงถือว่าเป็นการกดดันให้รัฐบาลจีนผ่อนคลายความเข้มงวด ซึ่งจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อการท่องเที่ยวและกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีน เพราะจะทำให้คนจีนเดินทางออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้
แต่อย่างไรก็ดี จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในระดับสูงทำให้เราคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักจนกว่าจะมีการเปิดประเทศ โดยเราคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเข้าไทยได้ในช่วงครึ่งหลังปี 66 โดยนักท่องเที่ยวจีนเป็นประเทศที่มีสัดส่วนรายได้เข้าไทยสูงที่สุด ในช่วงปี 62 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากสุดราว 11 ล้านคน คิดเป็น 25% ของนักท่องเที่ยวโดยรวม
สำหรับกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์หากจีนมีการผ่อนคลายการเปิดประเทศมากขึ้น ได้แก่ Aviation, Tourism, ICT distributor และ Shipping & logistics
หุ้น Top picks ที่เรายังคงชอบที่ได้ประโยชน์จากจีนมีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการโควิดมากขึ้น ได้แก่ AAV, CENTEL, SYNEX, WICE
- กลุ่ม Aviation หุ้นที่จะได้ประโยชน์มากสุด ได้แก่ AAV (ซื้อ/เป้า 3.30 บาท), AOT (ซื้อ/เป้า 82.00 บาท), BA (โดยสถานการณ์ปกติสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวคิด AAV 25%, AOT 15%, BA 5%)
- กลุ่ม Tourism หุ้นที่จะได้ประโยชน์มากสุดได้แก่ ERW (ซื้อ/เป้า 5.20 บาท) เพราะมีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสูงสุดในกลุ่มที่ 12%, CENTEL (ซื้อ/เป้า 55.00 บาท) และ SPA (เป้าconsensus 11.53 บาท)
- กลุ่ม ICT distributor จะได้รับผลประโยชน์จากโอกาสที่จีนจะลดการ lockdown ทำให้โรงงานกลับมาผลิตได้สู่ระดับปกติ และหนุนให้สินค้า IT กลับมาสู่ระดับปกติเร็วขึ้น บวกต่อหุ้นกลุ่ม IT seller อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นเราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม "ต่ำกว่าตลาด" และไม่มี Top-pick จากสถานการณ์สินค้าที่จะยังขาดตลาด โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟนในไตรมาส 4/65 จากการ lockdown ในจีน
- กลุ่ม shipping & logistics จะได้ประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมา ทำให้การขนส่งสินค้าปรับตัวดีขึ้น สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์ WICE (ถือ/เป้า 12.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้ในจีนราว 20%
- กลุ่ม Energy จะได้ประโยชน์จากอุปสงค์น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่ดีขึ้น ช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันและราคาน้ำมันดิบ (crack spread) สูงขึ้น มองหุ้นได้ประโยชน์ คือ TOP (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท), SPRC (ถือ/เป้า 13.30 บาท), และ PTTEP (ถือ/เป้า 190.00 บาท)
- กลุ่ม Petrochemical ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ฟื้นตัว ช่วยหนุนราคาและส่วนต่างราคาให้ดีขึ้น โดยเรามองหุ้นได้ประโยชน์ คือ IVL (ซื้อ/เป้า 56.00 บาท) และ PTTGC (ถือ/เป้า 44.00 บาท)
- กลุ่ม Ground Transport ได้แก่ BEM (ซื้อ/เป้า 10.80 บาท) และ BTS (ถือ/เป้า 9.30 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนราว 1-3%
- กลุ่มอื่นๆ ได้แก่ BAFS (ซื้อ/เป้า 35.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากเที่ยวบินจีนราว 10%, EKH (ซื้อ/เป้า 10.00 บาท) จากการเข้ารับศูนย์บริการ IVF โดยเดิมมีสัดส่วนรายได้ของจีนราว 10%, SPA มีสัดส่วนรายได้จากจีน 50-55%, TKN มีสัดส่วนรายได้จากจีน 21% (รวมส่งออกไปจีน)