กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ปรับขึ้น 1.64% เมื่อเวลา 15.31 น.บวกแรงกว่าดัชนี SET ซึ่งบวก 0.56%
KCE ปรับขึ้น 3.16% หรือ เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มาที่ 49.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 649.39 ล้านบาท
HANA ปรับขึ้น 1.96% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มาที่ 52.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,142.25 ล้านบาท
SVI ปรับขึ้น 3.74% หรือ เพิ่มขึ้น 0.35 บาท มาที่ 9.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 67.05 ล้านบาท
DELTA ปรับขึ้น 1.52% หรือเพิ่มขึ้น 10.00 บาท มาที่ 666.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 580.91 ล้านบาท
นางเพลินใจ จิระจรัส ผู้อำนวยการสายงานวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า หุ้นกลุ่มอิล็กทรอนิกส์มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในวันนี้ จากภาพสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่มีความเข้มข้นขึ้น เมื่อสหรัฐประกาศเงื่อนไขไม่ให้ขายสินค้าเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐให้กับจีน และล่าสุดสหรัฐก็ไม่ซื้อสินค้าเซมิคอนดักเตอร์จากจีน ดังนั้น มองว่าประเทศที่อยู่ตรงกลางหรือผู้ผลิต Non China และ US. มีโอกาสย้ายฐานการผลิตออกมาจากสหรัฐและจีน เพราะมีเงื่อนไขคลุมเครือในระยะสั้น ทำให้ผู้ผลิตญี่ปุ่น เกาหลี เอเชีย ได้ประโยชน์
นอกจากนี้ กลุ่มเทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มกลับมาซื้อขายอย่างคึกคักอีกครั้งหลังจากปรับตัวลงไป และหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ในไทยก็เป็นแบบเดียวกัน
สำหรับ บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ (HANA) ราคาขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วหลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/65 ออกมาดี แม้จะรับผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดได้รับความสนใจจากตลาดและโบรกเกอร์ต่างประเทศ เพราะภาพรวมบริษัทมีสินค้าใหม่ Silicon carbine semiconductor ที่ผลิตโดย บ.ย่อยในเกาหลี คือ PMS (Power Master Semiconductor) ที่ใช้กับรถ EV ที่มีแนวโน้มดี เพียงแต่ปัจจุบันยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน ต้องรออีก 2 ปี
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/65 ยังไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าไตรมาส 3/65 จึงมองว่าผลประกอบการของ HANA ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และราคาเต็มมูลค่าที่ไห้ไว้ 46 บาท แต่ก็สามารถเล่นตามข่าวได้ เหมือนกรณี DELTA ส่วน KCE ผู้บริหารยังคงให้มุมมองแบบระมัดระวัง
นายธันย์ จิระสิทธิกร นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ บล.กสิกรไทย ให้ความเห็นว่า ราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นได้ดีหลังจากราคาปรับตัวลงไปมากตั้งแต่ต้นปี เพราะกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันตลาดรับรู้ไปมากแล้ว ขณะที่ประกาศงบการเงินไตรมาส 3/65 ออกมาดีกว่าคาด อาทิ HANA DELTA SVI ประกอบกับมีคำสังซื้อเข้ามาใหม่ต่อเนื่อง
ส่วน KCE ยังออกมาไม่ดีนัก
HANA โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม จากราคาที่ลงไปลึก 33.50 บาท (17 ต.ค.65) กลับมารีบาวด์หลังงบไตรมาส 3/65 ออกมาดีคาด ราคาไล่ Valuation ขึ้นมาจากที่ลงไปถูกมาก และบริษัทยังได้ออเดอร์ใหม่จากลุ่มรถ EV เพิ่มขึ้นด้วย
นายธันย์ กล่าวว่า ราคาหุ้น HANA กับ KCE ก่อนหน้าใกล้เคียงกัน แต่ HANA ลงไปมากกว่า KCE พอแนวโน้มธุรกิจออกมาดูดีขึ้นก็ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาทำให้มูลค่าหุ้นกลับขึ้นมาด้วย ราคาไต่ขึ้นมา 1-2 สัปดาห์แล้วและเพิ่งพักตัวเมื่อวานนี้ และวันนี้ก็กลับมาไล่ราคาต่อ โดยมีปัจจัยหนุนจากออเดอร์ใหม่ที่จะเข้ามาในปี 66
แนะ "ซื้อ" HANA ราคาเป้าหมาย 56.00 บาท และ SVI ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท ส่วน DELTA และ KCE แนะนำให้ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 590 บาท และ 46 บาท ตามลำดับ