หมดเกลี้ยงแล้ว !! หุ้น บมจ. เมคทูวิน โฮลดิ้ง (MTW) เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 87 ล้านหุ้น ราคา 2.88 บาท/หุ้น ระหว่างวันที่ 25,28 และ 29 พ.ย. และพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรมวันแรก 6 ธ.ค. 65
*MTW คือใคร ?
MTW ดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภทคือ 1) ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ของบริษัทได้แก่ Noble, Anoko, Over Bick?c, S-Sport, SuperKool และยังรับจ้างผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM)
และ 2) ผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้า ดำเนินการผ่านบริษัทย่อยอย่าง บริษัท เดโก้ กรีน เอเนอร์จี จำกัด มีตัวแทนจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศ และมีกำลังการผลิตรวม 11,500 คันต่อปี แบ่งสินค้าเป็น 4 ประเภท ดังนี้
-จักรยานไฟฟ้า (Electric Bicycles)
-รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบครอบครัว (Classic Electric Motorcycles)
-รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบสปอร์ต (Sport Electric Motorcycles)
-รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Electric Motorcycles)
*MTW กับการเติบโต
นายกฤตเมธ ตั้งพิชญโพธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MTW เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า หลังจากที่ได้มีการศึกษาตลาดมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยพบว่ามีการจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ใหม่ 1.7-1.8 ล้านคัน และ มีมอเตอร์ไซค์ใช้อยู่บนท้องถนนมากกว่า 25 ล้านคัน แต่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีสัดส่วนไม่ถึง 0.01% จึงมองว่าเป็นโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ปัจจุบัน บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจด้านมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาแล้วกว่า 3 ปี แม้ว่าจะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปี 63 ที่ผ่านมา ยอดขายของบริษัทยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศที่มีกว่า 100 ตัวแทน รวมกว่า 300 จุดจำหน่าย ซึ่งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของบริษัทมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีที่ได้รับมาจากพันธมิตรจากไต้หวัน
*แผนระดมทุน
-เพื่อใช้สำหรับลงทุนในกิจการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยการเพิ่มทุนในบริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ตามสัดส่วนการลงทุน 210 ล้านบาท
-เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ 28.71 ล้านบาท
*ทิศทางในอนาคต
MTW อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานประกอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแห่งใหม่เพื่อรองรับการเติบโตได้สูงถึง 100,000 คันต่อปี เริ่มเดินเครื่องกลางปี 66 ตั้งเป้าหมายยอดขายกว่า 10,000 คันในปี 66 ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 30,000 คันในปี 67 และ 50,000 คันในปี 68 โดยบริษัทมีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบเข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มนักศึกษา กลุ่มแรงงาน และ กลุ่มไรเดอร์ เป็นต้น
ขณะที่ธุรกิจสิ่งทอ MTW วางแผนเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และเพิ่มสินค้าให้มีความเป็นแฟชั่นและหลากหลายตอบโจทย์ลูกค้า และมองว่าสินค้าสิ่งทอก็ยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ทุกคนจำเป็นจะต้องใช้
"ต้องยอมรับว่าตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเติบโตเร็วกว่าธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งเรามองว่ามีแต่โตขึ้นแน่นอนโดยฉพาะเมื่อโรงงานใหม่แล้วเสร็จ ประเทศไทยเองถือว่าเป็นศูนย์กลาง มีลูกค้ารอบบ้านเราติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเราสามารถจะหาแนวทางในการที่จะลดภาษีให้กับลูกค้าเราได้ก็จะเป็นโอกาสในการส่งออกไปตลาดอื่น ๆ ได้นอกจากไทย" นายกฤตเมธกล่าว
https://youtu.be/2y-FhwyZ_7k