นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์คล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องยาวนาน หลังตัวเลขดัชนีภาคบริการและตัวเลขการจ้างงานเดือน พ.ย.ออกมาสูงกว่าคาด ด้วยปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ปรับตัวลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า อาจกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานให้ปรับตัวลงได้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยจะยังมีลุ้นปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ รวมถึงประเทศจีนก็มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 มากขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและเปิดประเทศ
ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,947.10 จุด ลดลง 482.78 จุด หรือ -1.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,998.84 จุด ลดลง 72.86 จุด หรือ -1.79% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 1111,239.94 จุด ลดลง 221.56 จุด หรือ -1.93%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,704.06 จุด ลดลง 116.34 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,211.70 จุด ลดลง 306.59 จุด หรือ -1.57% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,181.92 จุด เพิ่มขึ้น 27.78 จุด หรือ +0.82%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ธ.ค.65) 1,641.63 จุด ลดลง 6.81 จุด, -0.41%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,187.02 ลบ.เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (5 ธ.ค.) ลดลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 76.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 ธ.ค.) อยู่ที่ 6.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.00 อ่อนค่าตามภูมิภาค จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย-ทิศทาง Flow
- ตลาดทุนระส่ำ! รัฐรีดค่าต๋งขายหุ้นพ่วงภาษีท้องถิ่น โบรกเกอร์ส่อเจ๊งระนาว แผนระดมทุนหยุดชะงัก ปิดทางสตาร์ตอัพ-SME เข้าตลาดหุ้น ภาษีนิติบุคคลลดฮวบ "นายกสมาคมฯ บล." รับรายเล็กเจองานหนัก จากวอลุ่มตลาดวูบ 30% "อธิบดีสรรพากร" ระบุชัดรัฐเน้นเอาง่าย เลือกฟันค่าคอมฯ จากยอดขายหุ้น คล่องตัวกว่าเก็บภาษีจากกำไรหุ้นหรือ Capital Gains Tax แถมสอดไส้เรียกเก็บภาษีท้องถิ่นพ่วงด้วย ส่งผลนักลงทุนจ่ายเพิ่มอีกล้านละร้อยบาท ทุกครั้งที่ทำธุรกรรมขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ จับตารายย่อยนัดรวมตัวหยุดซื้อขาย ดีเดย์ 8 ธ.ค.นี้!
- "เกรียงไกร" ประธาน ส.อ.ท.เปิดมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2566 ยังคงเปราะบางและผันผวนตามสถานการณ์ของโลก ลุ้น "สมการ" สงครามรัสเซีย-ยูเครนเปลี่ยนหลังผู้นำแต่ละประเทศขยับพร้อมเจรจามีโอกาสพลิก ศก.ครึ่งปีหลัง แต่ ศก. ภายในของไทยยังวิตกปัญหาต้นทุนการผลิตที่ยังพุ่งสูงจากค่าแรง ค่าไฟ ดอกเบี้ยรวมถึงหนี้ครัวเรือนที่แตะ 1.1 ล้านล้านบาท ที่อาจบั่นทอน
- 45 โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากไต้หวันเดินทางเข้ามาสำรวจลู่ทางการลงทุนในไทย เล็งย้ายฐานการลงทุนมาไทยตามนโยบายลดพึ่งพาจีน หลังเกิดปัญหาขัดแย้งภายใน โดยได้เยี่ยมชม 7 นิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของไทย
- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศหลายแห่ง ทั้งทริสเรทติ้ง, มูดีส์ อินเวสเตอร์ และฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินของรัฐหลายแห่ง ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยพบว่า แม้ต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 และเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน แต่สถานะธนาคารรัฐทั้งหมดยังแข็งแกร่ง และคงอันดับความน่าเชื่อถือไว้ที่ระดับสูง
- "แอตต้า" หวังรัฐบาลจีน ทบทวนนโยบาย "ซีโร่โควิด" อนุญาตชาวจีน เที่ยวต่างประเทศ-สายการบินทำการบินได้ มากขึ้น ลุ้นผลประชุม 2 สภา "จีนเปิดประเทศ" หลัง มี.ค.66 คาดใช้บิ๊กอีเวนต์ "เอเชียนเกมส์" แข่ง ก.ย.-ต.ค. เบิกโรง "ททท." เตรียมชงรัฐ ต่ออายุมาตรการขยายเวลาพำนักในไทย ขณะ "รถยนต์" ปรับแผนบริหารจัดการสต็อก รับมือชิ้นส่วนขาดแคลน
*หุ้นเด่นวันนี้
- บมจ.เมคทูวิน โฮลดิ้ง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า MTW ในวันที่ 6 ธ.ค.65 ในราคาหุ้น IPO 2.88 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 250.56 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 970.56 ล้านบาท โดย MTW ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทและรับจ้างผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) และมีเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในบริษัท เดโก้ กรีน เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MTW ถือหุ้นร้อยละ 85
- M (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 66 บาท โมเมนตัมกำไรไตรมาส 4/65 คาดเร่งตัวขึ้น Q-Q และ Y-Y ตาม Festive Season หนุน Traffic ให้ปรับขึ้น ขณะที่ฝั่ง Margin คาดว่าดีและการขึ้นราคาในปีนี้ที่ผ่านมาชดเชยต้นทุนที่เพิ่มได้ทั้งหมด คาดกำไรปี 2565 เติบโต 11 เท่าตัว Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน และคาดเร่งตัวแรงอีก +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ได้ตามการ Reopening เต็มปี นอกจากนี้หากจีนทยอยเปิดประเทศในปีหน้าจะเป็น Catalyst บวกต่อผลการดำเนินงานของแหลมเจริญระยะถัดไป
- AAV (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/65 ผลงานปกติจะขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ยังถูกกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายส่งคืนเครื่องบินอีก 5 ลำตามแผน แต่ฝั่งรายได้จะมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจการบินฟื้นตัวต่อเนื่องช่วง High Season ท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังปรับขึ้นราคาค่าโดยสารราว 20-25% จากการบวก Fuel Surcharge เส้นทางบินในประเทศ รวมถึงอานิสงส์ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า ส่งผลให้งวดไตรมาส 4/65 มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิได้ โดยทุกๆ 1 บาท ที่แข็งค่าจะทำให้มีกำไรจาก FX ประมาณ 1 พันล้านบาท
- CENTEL (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 54 บาท คาดหวัง ครม. เห็นชอบมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกต่อผู้ประกอบการโรงแรมที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศ ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารจะได้ผลบวกจากฟุตบอลโลก