บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ประกาศแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 66-70) ราว 1 ล้านล้านบาท เน้นการ ลงทุนสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงาน มุ่งสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ควบคู่การพัฒนาโครงการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมกับเดินหน้าธุรกิจใหม่รองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานของโลกเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP เปิดเผยว่า จากความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน และความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ปตท.สผ.จึงได้ปรับแผนกลยุทธ์เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่าง ยั่งยืน
PTTEP จะมุ่งเน้นการดำเนินงาน 3 ด้าน (Pillar) ได้แก่
- การขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (Drive Value) ทั้งการเพิ่มปริมาณการผลิตจากโครงการ
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonize) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี
- สร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ (Diversify) เกี่ยวกับเทคโนโลยีขั้นสูง หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้ง ธุรกิจที่ช่วยลด
ในการดำเนินการดังกล่าว PTTEP จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 ไว้ที่ 5,481 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 191,818 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน 3,152 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 110,296 ล้านบาท และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 2,329 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 81,522 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการดำเนินงาน ดังนี้
1.การเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียม รวมถึงเร่งกิจกรรมสำรวจ พัฒนาและผลิตเพิ่มเติมจากโครงการผลิตหลักที่สำคัญ เพื่อ สร้างความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศไทย ได้แก่ โครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล และฟูนาน) โครงการจี 2/61 (แหล่งบงกช) โครงการอาทิตย์ โครงการคอนแทร็ค 4 โครงการเอส 1 และโครงการผลิตในประเทศมาเลเซีย โดยได้จัดสรรรายจ่าย ลงทุน จำนวน 2,655 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 92,925 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีแผนการดำเนินกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโครงการผลิตต่าง ๆ ตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อ มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2593 อาทิ โครงการ CCS การใช้พลังงานหมุนเวียน การติดตั้งอุปกรณ์ลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการดำเนินการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น โดยจัดสรรรายจ่ายลงทุนส่วนนี้ 53 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 1,855 ล้านบาท
2.การเร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการมาเลเซีย เอสเค 410 บี และโครงการ โมซัมบิก แอเรีย 1 ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน โดยบริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 322 ล้านดอลลาร์ เทียบ เท่า 11,270 ล้านบาท
3.การเร่งดำเนินการสำรวจในโครงการต่าง ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 193 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 6,755 ล้านบาท สำหรับการศึกษาทางธรณีวิทยาและการเจาะหลุมสำรวจและหลุมประเมินผลของโครงการ ในประเทศไทย มาเลเซีย และโอมาน
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (66-70) บริษัทจัดสรรงบประมาณรวม 29,100 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 1,006,676 ล้าน บาท ดังนี้
หน่วย : ล้านดอลลาร์ สรอ.
2566 2567 2568 2569 2570 2566-2570 รายจ่ายลงทุน (CAPEX) 3,152 3,951 4,231 3,857 2,932 18,123 รายจ่ายดำเนินงาน (OPEX) 2,329 2,176 2,216 2,112 2,144 10,977 รายจ่ายรวมทั้งสิ้น 5,481 6,127 6,447 5,969 5,076 29,100
นอกเหนือจากการจัดสรรงบประมาณข้างต้นแล้ว ปตท.สผ. ยังได้สำรองงบประมาณในการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจใหม่ สำหรับปี 66-70 จำนวน 4,800 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 166,052 ล้านบาท ในการศึกษาและพัฒนาธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจพลังงานหมุน เวียน ธุรกิจ CCS ธุรกิจการดักจับคาร์บอนและการใช้ประโยชน์ (Carbon Capture and Utilization หรือ CCU) การศึกษาธุรกิจ ไฮโดรเจนสะอาด การต่อยอดเทคโนโลยีที่บริษัทมีอยู่ไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่น ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน
จากแผนงานดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผ. คาดการณ์ตัวเลขประมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันจากโครงการปัจจุบัน ระหว่างปี 66-70
หน่วย : บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
2566 2567 2568 2569 2570 ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ย 470,000 510,000 535,000 531,000 550,000
"นอกจากการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก รวมถึงการ ดำเนินงานที่มุ่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำในอนาคต ปตท.สผ. ยังเตรียมงบประมาณเพิ่ม เติมสำหรับการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตามแผนกลยุทธ์ โดยเรากำลังมองโอกาสการลงทุนในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากการสำรวจและผลิต ปิโตรเลียม โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่ให้มากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวต่อไป" นาย มนตรี กล่าว