นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) กล่าวถึงมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นจีน ว่าตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา เนื่องจากมาตรการผ่อนปรนการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 อย่างเช่น ล่าสุดมีการประกาศยกเลิกข้อกำหนดการแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR ก่อนเข้าใช้บริการในสถานที่สาธารณะ ยกเว้นสถานที่บางแห่ง ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ และจีนยังคงเร่งการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุอีกด้วย
ปัจจัยนี้เองทำให้ Market Sentiment ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังรัฐบาลจีนที่อาจจะเริ่มเปิดประเทศได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566
นอกจากนี้ราคาหุ้นจีนที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนปัจจัยเชิงลบไปมากแล้ว โดยปัจจุบันหุ้นจีนมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก สะท้อนจากค่า Forward P/E (A-share) อยู่ที่ 11 เท่า และ Forward P/E (H-Share) อยู่ที่ 8.75 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปี ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนคาดจะเริ่มฟื้นตัวได้ปีหน้า จากมาตรการกระตุ้นต่างๆ อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการช่วยเหลือเงินทุนเสริมสภาพคล่องแก่กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธนาคารกลางจีน (PBOC) ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง
ดังนั้น MFC จึงมองว่าตลาดหุ้นจีนมีโอกาสผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จึงแนะนำให้หาจังหวะทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว หากตลาดมีการพักฐาน โดยให้น้ำหนักมุมมองระยะยาวเป็น Slightly Overweight จากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวดี และการเปิดประเทศในปี 2566 ทำให้มี Downside Risk จำกัด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนอาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีน ไต้หวันและสหรัฐอเมริกาที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อีกทั้งความเสี่ยงของกฎระเบียบใหม่ที่ควบคุมธุรกิจก็อาจสร้างความผันผวนได้อีกด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า กองทุนเปิด "MCHINA" และ "MCHEVO" เป็นกองทุนที่แนะนำสำหรับการลงทุนในระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยบริษัทฯ ได้ปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีน เป็น Slightly Overweight ซึ่งนักลงทุนสามารถทยอยสะสมซื้อได้ สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นจีนอยู่แล้วก็สามารถถือต่อได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากมองปัจจัยบวกเศรษฐกิจจีนและนโยบายการเริ่มเปิดประเทศในปีหน้า แต่ทั้งนี้ นักลงทุนควรทยอยลงทุนด้วยความระมัดระวังตามระดับความเสี่ยงและสัดส่วนที่สามารถรับได้