บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) ขยายไลน์ธุรกิจสร้าง New S-Curve โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงาน ล่าสุด ได้เข้าไปถือหุ้นบริษัท เทอราวัตต์ เอสพี จำกัด เพิ่มจาก 25% เป็น 75% ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 60 ล้านบาท เพื่อเข้ายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนประเภทโซลาร์ฟาร์มต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คาดว่าจะประกาศผลภายในช่วงต้นปีหน้า พร้อมทั้งมีแผนรุกขยายธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปในโรงงานอุตสาหกรรม และโซลาร์ลอยน้ำ โดยวางเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ 100 เมกะวัตต์ภายในปี 66
นายมารุต ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMR กล่าวว่า บริษัทได้ทำโปรเจ็คต์ MACharge แพลตฟอร์มครบวงจร ทั้ง EV swapping station และ MACharge Application โครงการโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์ลอยน้ำ รวมถึงการจัดจัดหน่ายน้ำดิบผ่านระบบท่อน้ำให้แก่นิคมอุตสาหกรรมผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ประจำ (Recurring Income) และสนับสนุนผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า (66-68) ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ขณะเดียวกัน AMR ยังแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คือ การขายและให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แพลตฟอร์ม "มาชาร์จ" (MAcharge) ที่มาพร้อมกับสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมถึงบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการข้อมูลที่เกียวข้องให้กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย คาดว่าจะเริ่มเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มที่ในปี 66 ถือเป็นการเข้ามาเติมเต็มและเปิดมิติใหม่ให้กับธุรกิจจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการให้บริการอย่างครบวงจร โดยคาดจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
AMR ยังร่วมกับบริษัท อีสเทิร์น โปร วอเตอร์ซัพพลาย จำกัด (EPW) จัดจำหน่ายน้ำดิบให้กับโรงงานอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจ4คตะวันออก (EEC) เริ่มจากการวางท่อส่งน้ำไปสู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะทางกว่า 14 กิโลเมตร สามารถส่งน้ำได้สูงสุด 70,000 ลบ.ม.ต่อวัน คาดก่อเสร็จสิ้นกลางปี 66 จากนั้นจะเริ่มรับรู้รายได้ทันที ประเมินรายได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท
บริษัทยังศึกษาโครงการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่จะเป็นอีกหนึ่งในธุรกิจที่จะผลักดันรายได้ขึ้นอีกด้วย โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเข้าไปถือหุ้น ประมาณ 70% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/66 ว่าจะตัดสินลงทุนในธุรกิจนี้หรือไม่
นายมารุต กล่าวว่า ในปี 66 บริษัทตั้งงบลงทุน 1,600 ล้านบาท หลักๆ จะใช้รองรับ 3 ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน, โครงการสาธารณูปโภค หรือการจัดจำหน่ายน้ำดิบ และธุรกิจการขายและให้บริการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แพลตฟอร์ม "มาชาร์จ" (MAcharge)
ส่วนธุรกิจหลัก ในไตรมาส 4/65 อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญางานซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ามูลค่าราว 200 ล้านบาท และงานนำสายไฟฟ้าลงดินบางส่วน การให้บริการเทรนนิ่งด้าน IT รวมถึงเสนอติดตั้งโซลาร์รูปท็อปให้กับลูกค้าอีก 3-4 ราย คาดหวังว่าจะได้มาภายในปีนี้ราว 1-2 เมกะวัตต์
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 2,300 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปีหน้า เฉลี่ยอยู่ที่ 300 ล้านบาทต่อไตรมาส ซึ่งยังไม่รวมงานที่จะเซ็นสัญญาใหม่ในอนาคต และงานที่อยู่ระหว่างการทำดีล
นายมารุต กล่าวอีกว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในปี 66 จะเติบโตต่อเนื่องจากที่ประเมินว่าจะทำได้กว่า 1,300 ล้านบาทในปีนี้ ตามการทยอยรับรู้รายได้ใน Backlog อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีเป้าหมายรักษาระดับ Backlog ให้อยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี