นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน (TU) กล่าวว่า บริษัทประกาศเข้าร่วมกับผู้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์รายอื่นๆในการลงทุนกับบริษัท เจลลาเจน บริษัทสตาร์ทอัพของประเทศอังกฤษ ในรอบการระดมทุนซีรีย์เอที่ทางเจลลาเจนได้ระดมเงินทั้งสิ้น 8.7 ล้านปอนด์ การลงทุนของไทยยูเนี่ยนในครั้งนี้เป็นการลงทุนผ่านกองทุน Venture Fund ของบริษัท
บริษัท เจลลาเจน ก่อตั้งขึ้นในปี 58 โดยเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ ที่พัฒนาคอลลาเจน ในรูปแบบของวัสดุชีวภาพ จากแมงกระพรุน โดยมีพันธกิจในการปฏิวัติเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ หรือ ศาสตร์การรักษาโรคต่างๆ ผ่านการเข้าไปฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกายโดยลงลึกไปถึงระดับเซลล์ ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์และวิธีการเพาะเลี้ยง
การศึกษาเบื้องต้นจากเจลลาเจนพิสูจน์ได้ว่า คอลลาเจน ชนิด 0 ซึ่งมาจากแมงกระพรุน มีคุณสมบัติที่ดีกว่าคอลลาเจนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะในทางการรักษาและการแพทย์ การระดมทุนในรอบนี้จะถูกนำไปใช้ในการเร่งการพัฒนาทางการแพทย์ให้กับคอลลาเจน ชนิด 0 ตลอดจนวัสดุชีวภาพคอลลาเจนที่มีความยั่งยืนเพื่อใช้ในการรักษาโรคทางผิวหนัง และเป็นวัสดุชีวภาพสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่
การลงทุนของ TU ในเจลลาเจนในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต และการนำไปใช้ในสินค้าที่ TU มีอยู่และสินค้าที่พัฒนาขึ้นในอนาคต ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเล โดยบริษัทพยายามอย่างยิ่งในการยกระดับนวัตกรรมในธุรกิจและสินค้าของบริษัท
"เจลลาเจนถือเป็นผู้นำในการวิจัยคอลลาเจนจากแมงกระพรุนและกำลังพัฒนารูปแบบคอลลาเจนจากทะเล ซึ่งจะได้นำมาใช้ในการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหารและโภชนาการ ไทยยูเนี่ยนหวังที่จะได้ร่วมงานทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงโรงงานผลิตทั่วโลก" นายธีรพงศ์ กล่าว
นายโธมัส-พอล เดสแคมปส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจลลาเจน กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จและก้าวที่สำคัญสำหรับการลงทุนที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจในครั้งนี้จากไทยยูเนี่ยน และอยากขอบคุณไทยยูเนี่ยนที่ไว้วางใจในทีมเจลลาเจนและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเราที่มีศักยภาพอย่างมาก การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเจลลาเจนในฐานะผู้นำด้านวัสดุชีวภาพและเครื่องมือแพทย์ระดับโลกในอนาคต
นอกจากนี้การลงทุนนี้ยังจะช่วยในการจัดการวัตถุดิบของเจลลาเจนและขยายกำลังการผลิตในอนาคต และเมื่อประกอบกับโอกาสและความเป็นไปได้ของคอลลาเจนชนิด 0 รวมถึงการเป็นผู้เล่นใหญ่ในอุตสาหกรรมแล้ว จะช่วยให้เทคโนโลยีของเจลลาเจนเติบโตได้อีกมาก