CONSENSUS: โบรกฯ เชียร์"ซื้อ"GPSC รับ Ft ขาขึ้น-ค่าพลังงานขาลง หนุนกำไร Q4/65-ปี 66 ฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 9, 2022 14:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ "ซื้อ" หุ้นบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) จากกำไรไตรมาส 4/65 ฟื้นตัว ตามการรับรู้ค่า Ft งวดเกือนก.ย.-ธ.ค.65 เข้ามาเต็มไตรมาส และยังรับรู้รายได้จากการ COD โรงไฟฟ้าเข้ามาเต็มไตรมาสเช่นกัน รวมถึงจะได้รับเงินเคลมประกันเข้ามาอีก ขณะที่ในปี 66 ยังได้ปัจจัยบวกจากค่า Ft ที่จะปรับขึ้นต่อเนื่อง และต้นทุนพลังงานปรับตัวลดลง อีกทั้งแผนการ COD ยังมีต่อเนื่อง ซึ่งจะเข้ามาหนุนการเติบโตในปีหน้าได้

ราคาหุ้น GPSC เมื่อเวลา 14.43 น.อยู่ที่ 70.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท +0.72% ขณะที่ดัชนี SET +0.42%

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          หยวนต้า               ซื้อ                      82.00
          คิงส์ฟอร์ด              ซื้อ                      75.00
          โนมูระฯ               ซื้อ                      84.00
          กสิกรไทย              ซื้อ                      81.50
          แลนด์ แอนด์ เฮาส์       ซื้อ                      74.00
          ดาโอ                 ซื้อ                      75.00
          เอเซียพลัส             ซื้อ                      76.00
          ดีบีเอสฯ               ซื้อ                      82.00
          นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรไตรมาส 4/65 น่าจะฟื้นตัวขึ้น จากการรับรู้ค่า Ft งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.65  เต็มไตรมาส ส่งผลดีต่อการขายไฟฟ้าปรับตัวขึ้น และมาร์จิ้นดูดีขึ้น รวมถึงจะสามารถรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า เข้ามาเต็มไตรมาสนี้เช่นกัน และจะได้รับเงินเคลมประกันภัยจากเหตุการณ์หยุดเดินเครื่องจักรนอกแผนของโรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 ราว 20-30 ล้านเหรียญฯ หนุนการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
          ส่วนภาพปี 66 จะได้ปัจจัยหนุนจากต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวลง และคาดภาครัฐจะทยอยปรับขึ้นค่า Ft ต่อเนื่อง อิงจากประมาณการค่า Ft งวดเดือนม.ค.-เม.ย.66 ของกกพ. จะเรียกเก็บที่ 158.31-224.98 สตางค์ต่อหน่วย สูงขึ้นจากงวดต้นปี (ม.ค.-เม.ย. 65) และงวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค. 65) ที่มีการเรียกเก็บ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ตามลำดับ อีกทั้งจะรับรู้กำลังการผลิตใหม่ในปีหน้าเข้ามามากขึ้นด้วย
          นอกจากนี้สัญญาณเศรษฐกิจโลกถดถอย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง มองว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้าในปี 66 เนื่องจากกโรงไฟฟ้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าชัดเจน และไฟฟ้ามีความต้องการใช้สม่ำเสมอ ทำให้ผลประกอบการผันผวนน้อย และได้รับแรงกดดันจากทิศทางเศรษฐกิจเปราะบางจำกัด โดยผลการศึกษาข้อมูลทางสถิติบ่งชี้ว่าราคาหุ้นโรงไฟฟ้ามัก Outperform ตลาดหุ้นโดยรวม และ Valuation จะได้ Premium สูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรที่กำลังผ่านจุดสูงสุด ทำให้แนวโน้มการปรับตัวลดลงของ Bond yield ในปี 66 จะเป็นบวกต่อ Valuation ของหุ้นโรงไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ นักลงทุนบางส่วนจึงเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของหุ้นโรงไฟฟ้า และผลตอบแทนจากพันธบัตร ในกรณี Bond yield ปรับตัวลงจะส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์ 2 ชนิดสูงขึ้น นำไปสู่การ Rotate เม็ดเงินลงทุนเข้าสู่หุ้นโรงไฟฟ้ามากขึ้น
          ขณะที่ในวันที่ 9 ธ.ค.65 จะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติขอขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบแรก
ซึ่ง GPSC ก็เป็นหนึ่งในผู้ยื่นขอขายไฟฟ้าดังกล่าวด้วย หากผ่านเกณฑ์ฯ ก็จะหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้น แนะนำ ซื้อ ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 82 บาท
          บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองหุ้นกลุ่ม Defensive มีความน่าสนใจในช่วงที่ตลาดกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับราคาน้ำมัน, Bond Yield ที่ลดลง ถือเป็นปัจจัยที่เป็นบวกต่อหุ้นโรงไฟฟ้าอย่าง GPSC คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/65 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.65 เต็มไตรมาส ขณะที่ต้นทุนก๊าซฯ และถ่านหินลดลง นอกจากนี้คาดว่าจะมีรายการพิเศษจากค่าสินไหมประกันของ Glow energy phase 5 ราว 20 ล้านเหรียญฯ
          ส่วนทิศทางในปี 66 คาดว่าโรงไฟฟ้า SPP จะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง โดยคาดว่าราคาก๊าซในอ่าวจะปรับลดลงจากการผลิตของเอราวัณ-บงกชเพิ่มขึ้น ทำให้การนำเข้า Spot LNG น้อยลง นอกจากนี้จะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า Ft ซึ่งสุดท้ายจะต้องทำเพื่อลดการขาดทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท +143% จากปี 65 แนะ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 75.00 บาท
          บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัทมองทิศทางอัตรากำไรในปี 66 มีแนวโน้มฟื้นตัว เพราะราคาก๊าซฯ ผ่อนคลายมากขึ้นอีก ส่วนถ่านหินยังเป็นแนวโน้มลดลง ในขณะที่ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย forward curve spot LNG (JKM) ในช่วงปี 66 ลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนว่าตลาดคลายความกังวลต่อสถานการณ์ supply ก๊าซฯ ตึงตัว ส่วนราคาล่วงหน้าถ่านหิน (Newcastle) แม้ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงไตรมาสก่อนหน้านัก แต่ยังเป็นทิศทางขาลง ซึ่งบริษัทไม่ได้ lock ราคาล่วงหน้าสำหรับปี 66 จึงมีแนวโน้มได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานขาลง ในขณะที่ภาครัฐมีโอกาสปรับเพิ่มค่าไฟฟ้า (ft) เพื่อชดเชยภาระที่ EGAT แบกรับค่าไฟฟ้าแทนประชาชนในช่วงที่ผ่านมา (รับซื้อไฟฟ้าที่ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น pass through มา ในขณะที่ ft ปรับขึ้นช้า/ตรึง ในช่วง 2H21-9M22
          อีกทั้งยังมีแรงหนุนจาก Avaada เพิ่มขึ้น โดย 9 เดือนของปี 65 รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนฯจากโครงการดังกล่าว -290 ล้านบาท แต่คาดหลัง COD เพิ่มขึ้นปี 66 จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรฯได้ราว 200 ล้านบาท (หักค่าตัดจำหน่าย 200 ล้านบาทแล้ว) ส่วน Gheco-one ที่มีปิดซ่อมนอกแผนในปีนี้ คาดจะได้เงินประกันมาชดเชยในปีหน้า และในช่วงปิดซ่อมตามแผน 55 วัน ในไตรมาส 1/66 จะตรวจสอบและวางแผนป้องกันปัญหาการปิดซ่อมนอกแผนต่อไป
          คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 84.00 บาท/หุ้น มองสามารถซื้อลงทุนรับการฟื้นตัวของกำไรปกติ ในไตรมาส 4/65-ปี 66 ที่อัตรากำไรฟื้น เพราะการปรับขึ้นค่า ft ที่เร่งตัว เข้ามาชดเชยต้นทุนก๊าซฯและถ่านหินที่เพิ่มขึ้น และรับรู้เต็มปีในปี 66, ค่าใช้จ่ายปิดซ่อมนอกแผนลดลง และกำลังการผลิตใหม่ ของ AEPL ทยอย COD ราว 497 MWe (+8%) ค่าใช้จ่ายในการ refinance ลดลง และแบกรับค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง ทั้งนี้ทุกๆ ค่า ft ที่สูงกว่าคาด 1 สตางค์/หน่วย จะเป็น upside ต่อประมาณการกำไรปกติปี 66 ราว 60 ล้านบาท หรือ +1%

แท็ก ประกัน   gps  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ