นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียได้ผ่านวิกฤติที่สร้างความเสี่ยงให้แก่ธุรกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงนั้นๆ ด้วยการเพิ่มธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมศักยภาพใน Ecosystem คือ โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตมากในช่วงที่ผ่านมา และช่วยเข้ามาชดเชยรายได้ที่หายไปจากธุรกิจสายการบินในช่วงโควิด-19
ขณะเดียวกัน ยังมีการพัฒนาและปรับปรุงแอปพลิเคชั่นของแอร์เอเชียครั้งใหญ่ให้กลายเป็น "ซุปเปอร์แอป" สู่ airasia super App ที่ครอบคลุมบริการจองตั๋วเครื่องบินทั้งสายการบินของแอร์เอเชีย และสายการบินอื่นๆ จองโรงแรม บริการรถแท๊กซี่ บริการฟู้ดส์เดลิเวอรี่ และบริการขายประกัน รวมถึงขยายบริการด้าน Wallet ผ่าน bigpay by airasia เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สะดวกให้แก่ลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของแอร์เอเชีย สามารถใช้บริการได้ง่าย สะดวก และครบวงจรมากขึ้นในที่เดียว
ด้านธุรกิจสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม Capital A ได้เห็นการฟื้นตัวกลับมาที่ดีขึ้น หลังจากหลายประเทศในอาเซียนกลับมาเปิดประเทศ รวมถึงประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ อย่าง เอเชียเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ทำให้ช่วงปลายปีนี้มีผู้ใช้บริการเดินทางสายการบินเพื่อท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้จำนวนเที่ยวบินของกลุ่มแอร์เอเชียกลับมาเพิ่มขึ้นมาก
และเชื่อมั่นว่าในปี 66 จะเป็นปีที่กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียกลับมาสร้างผลการดำเนินอย่างแข็งแกร่ง ตามแนวโน้มการเดินท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักมากขึ้น และยังจะมีปัจจัยบวกจากโอกาสที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการผ่อนคลายควบคุมโควิด-19 มากขึ้น
"โรคเป็นปัจจัยที่สร้างผลกระทบช็อกโลกมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา เชื่อว่าปี 2023 จะเป็นปีที่หลายๆอย่างที่ดีมากขึ้น แต่ก็ยังเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่ได้ เพราะยังมีประเด็นเรื่องความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เราก็ไม่รู้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่สร้างความไม่แน่นอนในเรื่องการวางแผนธุรกิจ และกระทบอัตราแลกเปลี่ยนด้วย แต่ก็เป็นสิ่งที่เราจัดการและพยายามบริหารจัดการให้อยู่ในจุดที่ดี ซึ่งเราต้องมาโฟกัสการบริหารจัดการและปรับเปลี่ยนให้ทันต่อสถานการณ์ให้ได้" นายโทนี่ กล่าว