นายประสิทธชัย กฤษณยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานการเงินและบัญชี บมจ.ทีทีแ อนด์ที(TT&T) กล่าวว่า บริษัทยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้รับชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากบมจ.ทีโอทีเมื่อใด หลังจากอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดในกรณีข้อพิพาทให้ทีโอทีจ่ายเงินให้กับบริษัท 2.37 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย จากการนำบริการอื่นมาใช้ผ่านโครงข่ายของ TT&T ซึ่งถือว่าคำชี้ขาดมีผลทันทีตามกฏหมาย
"อย่างไรก็ตามทาง TOT อาจมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง แต่มั่นใจว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตฯ เป็นอย่างบริสุทธิ์และเป็นธรรม และคณะอนุญาโตตุลาการทั้ง 3 ท่านผู้ที่เป็นตัวแทนจากฝ่ายที่เป็นกลางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผลประโยชน์กับทีโอที และ TT&T" นายประสิทธชัย กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังไม่สามารถระบุว่าจะมีการบันทึกรายได้หรือกำไรจากค่าผลประโยชน์ 2.3 หมื่นล้านบาทนี้ในงบการเงินช่วงใด เนื่องจากต้องให้เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจสอบบัญชีที่จะชี้ขาดหรือแสดงความเห็น เพราะเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ได้ตลอดสัญญากว่า 10 ปี จากอายุสัญญาทั้งหมด 25 ปี จึงต้องพิจารณารายละเอียดว่าจะบันทึกอย่างไร
"จากข้อพิพาทที่เกิดขึ้นกว่า 10 ปี และเรายื่นฟ้องร้องต่้ออนุญาโตเมื่อเดือนเมษายน 2548 การที่มีคำชี้ขาดออกมาทำให้ส่งผลดีต่อราคาหุ้นที่วันนี้ปรับบวกขึ้นไปถึงซิลลิ่ง เนื่องจากเป็นจิตวิทยาการลงทุน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว แต่เชื่อว่านักลงทุนได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้วและเราก็ได้ชี้แจงต่อตลาดฯเรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่านักลงทุนที่ลงทุนใน TT&T ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนและมีความเชื่อมั่นต่อการคุ้มครองของกฎหมายและยังเป็น case ตัวอย่างให้กับกรณีอื่นๆ ด้วย" นายประสิทธชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีคดีข้อพิพาทที่อยู่ระหว่างการชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการอีก 4 คดี แต่เม็ดเงินความเสียหายรวมกัน 4 คดี ยังน้อยกว่ากรณีนี้กรณีเดียว
*คาดปีนี้รายได้ 8 พันลบ. แต่กำไรยังขึ้นกับการลงทุนในปีนี้
นายประสิทธชัย คาดว่า ปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 8 พันล้านบาทจากปี 50 ที่มีรายได้เกือบ 7 พันล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้มาจากธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และการให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ รวมถึงรายได้หลักจากโทรศัพท์พื้นฐาน แม้ว่าสัดส่วนรายได้จากโทรศัพท์พื้นฐานจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
"ในปีันี้รายได้จากโทรศัพท์พื้นฐานยังเป็นรายได้ที่สำคัญ และบริษัทพยายามจะรักษาสัดส่วนรายได้ของโทรศัพท์พื้นฐานเอาไว้" นายประสิทธชัย กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมงบลงทุน 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ อย่าง WiMaX และ 3G โดยปีนี้อยู่ระหว่างสร้างสถานีฐาน ในธุรกิจ WiMax และขยายบรอดแบนด์เพิ่มขึ้น รวมถึง 3G ซึ่งประเมินว่าอาจจะมีการเริ่มลงทุนได้อย่างเร็วไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอใบอบุญาต 3G จากกทช.ก่อน
"ตอนนี้เรามีหนี้อยู่ 1.8 หมื่นล้านบาท อายุหนี้เฉลี่ย 7-8 ปี ซึ่งหา่กมีการลงทุนย่างต่อเนื่องเราจำเป็นต้องมีการเจรจารีไฟแนนซ์หนี้กับเจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ก็ยินดีอยู่แล้วเนื่องจากเห็นการเติบโตของบริษัท รวมถึงข้อพิพาทต่างๆ ที่บริษัทมีก็มีความได้เปรียบ แต่ปีนี้จะเห็นกำไรหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากจะต้องขึ้นกับเม็ดเงินการลงทุนปีนี้" นายประสิทธชัย กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--