นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บมจ.ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) เผืดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มพอร์ตลูกหนี้ขายฝากทองรูปพรรณ รวมถึงเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ ภายใต้แบรนด์ "ทองมาเงินไป" เป็น 2,800 ล้านบาทในปี 66 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 3,700 ล้านบาท ในปี 67 จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ Customer centric มุ่งเน้นพัฒนาบริการทุกด้าน เพิ่มความแข็งแกร่งของบริการ รวมถึงการพัฒนาช่องทางให้บริการครอบคลุมเข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตร 3 ราย คือ CJ More พัฒนาสาขารูปแบบใหม่ให้เข้าถึงแหล่งชุมชนเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ใกล้ชิดมากขึ้น ต่อมาคือ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เข้ามาช่วยในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการชำระเงินของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสุดท้าย คือ LINE BK ที่มีบัญชีผู้ใช้กว่า 5 ล้านรายจะเข้ามาเป็นฐานข้อมูลเพื่อทำการตลาด
นอกจากนี้ AURA ยังอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทด้วย
แบรนด์ "ทองมาเงินไป" เกิดจากแนวคิดที่ต้องการช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมถูกกฎหมายและสะดวกยิ่งขึ้น จากการเปิดให้บริการมากว่า 3 ปีเห็นได้ชัดว่ามีแนวโน้มที่ดี สร้างรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 45% และมียอดผู้ใช้บริการมากกว่า 130,000 คน ด้วยจุดเด่น คือ 1.ให้วงเงินสูง 2. ไม่ต้องมีคนค้ำ รับเงินสดได้ทันที 3. ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1.25% ต่อเดือน 4. สาขาให้บริการมากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ
บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชัน "ทองมาเงินไป" ให้เป็นช่องทางใหม่ในการรับบริการชำระดอกเบี้ย, เช็คสถานะสัญญาขายฝากทองได้ทุกที่และทุกเวลา, ชำระอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสัญญา, เช็คราคารับขายฝากทองแบบเรียลไทม์, ค้นหาห้างเพชรทองออโรร่า และ ทองมาเงินไปสาขาใกล้เคียง พร้อมรับรู้ข่าวสารดีๆ โปรโมชันสำหรับผู้ใช้บริการมากมาย (News and Promotion) รวมถึงแจ้งเตือนลูกค้าสำหรับสัญญาที่จะหมดอายุ เพื่อป้องกันทรัพย์สินหลุดขายฝาก (Notification Alert) ซึ่งเป็นบริการที่ทำให้การขายฝากทองคำง่ายและสะดวกขึ้น ลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยได้โดยไม่ต้องมาที่สาขา
กลุ่มลูกค้าหลักของ "ทองมาเงินไป" ส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง และกว่า 90% เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน อายุระหว่าง 28-45 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า อาชีพอิสระ ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างเอกชนที่ถือทองคำ และต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราว หรือต่อยอดธุรกิจ โดยลูกค้ามักจะเข้ามาใช้บริการสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค. และ ต.ค. เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ ผู้ปกครองมีความต้องการใช้เงิน
และพบข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า กลุ่มลูกค้าขายฝากที่ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันจะมีรอบการต่อดอกเบี้ยยาวนานที่สุด ถือเป็นจุดเด่นและข้อได้เปรียบของบริษัทที่จะนำไปพัฒนาบริการเพื่อเสนอบริการอื่นๆ ให้กับกลุ่มลูกค้านี้ได้อีกในอนาคต
ส่วนธุรกิจจำหน่ายทองรูปพรรณ บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณการขายทองคำในปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ความต้องการทองคำยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายสาขาภายใต้ 5 แบรนด์ของบริษัท คือ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond ให้เพิ่มเป็น 409 สาขาในปี 67 เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 266 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 146 สาขา และต่างจังหวัด 120 สาขา
"ยอดขายทองคำส่วนใหญ่จะมีมากในช่วงไตรมาส 4 และ ไตรมาส 1 ของทุกๆปี ซึ่งในช่วงปลายปี 65 นี้ก็มีทิศทางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น และ ทองถือว่าได้รับความนิยมที่จะใช้เป็นแหล่งออมเงิน เพราะมีความเสี่ยงต่ำ และยังมีโอกาสได้กำไรจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำด้วย"นายอนิพัทย์ กล่าว