ผู้เชี่ยวชาญแนะโยกลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ มองราคาทอง-น้ำมันมีช่องเข้าได้

          ผู้เชี่ยวชาญมองการปรับขึ้นของราคาทองคำปีนี้เกิดจากความกังวลจากเศรษฐกิจซบเซา เตือนอย่าผลีผลามลงทุน มองแนวโน้มจะปรับตัวลง ส่วนราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นจากการเก็งกำไรจากเฮดจ์ฟันด์ และสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง  แนะนักลงทุนโยกเงินลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ระยะสั้นที่ขณะนี้ราคาปรับตัวดีจะปลอดภัยจากตลาดทุนและตราสารหนี้ที่รับความผันผวนเศรษฐกิจโลก 
          นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวในงานสัมมนา “ทองคำ-น้ำมัน-หุ้น"เลือกลงทุนรับสงกรานต์ว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองไม่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันมากนัก แต่ราคาทองที่เพิ่มขึ้นจะมาจากความวิตกกังวลต่อความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงวิกฤตหรือมีสงคราม ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงที่สถาบันการเงินของสหรัฐมีปัญหาในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ราคาทองขึ้นไปแตะราคาสูงสุดที่ 1,000 เหรียญ/ออนซ์  
          จากวัฐจักรราคาทองคำคาดว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น 15 ปี โดยราคาทองปรับตัวขึ้นมาแล้ว 7 ปี ตลาดคาดการณ์ราคาทองในปีนี้อยู่ที่ 744 เหรียญ/ออนซ์ และเฉลี่ยทั้งปี 862 เหรียญ/ออนซ์ ดังนั้น การคาดการณ์ว่าราคา 1,000 เหรียญ/ออนซ์ จึงมีความเสี่ยงสูงในการจะหากำไร รวมทั้งผู้ลงทุนยังต้องติดตามการซื้อขายอย่างใกล้ชิด เพราะตลาดค่อนข้างเปราะบาง และปัจจจัยทั้งค่าเงินสกุลอเมริกาและเศรษฐกิจโลกมากระทบราคาได้ง่าย
          สำหรับกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)จะมีการขายทองคำออกมานั้นเชื่อว่าจะส่งผลต่อจิตวิทยาให้ราคาทองปรับลดลงไปบ้างแต่จะเป็นระยะสั้นเท่านั้น เพราะการขายของไอเอ็มเอฟจะเป็นลักษณะทยอยขายหรือขายให้กับคู่ค้าจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดทองคำ นอกจากนี้กระบวนการการขายทองของไอเอ็มเอฟก็พึ่งจะผ่านบอร์ดเท่านั้นจะต้องมีการลงความเห็นจากสมาชิกด้วย
          "ราคาทองในปีนี้คงจะผันผวนปรับขึ้นลงตามราคาน้ำมันที่ผันผวนและเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก แต่ยังแนะนำให้ลงทุนในทองคำได้ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี " นายบุญเลิศ กล่าว
          ด้านนายเทวินทร์ วงศ์วานิช  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์และพัฒนากองค์กร บมจ. ปตท. (PTT) กล่าวว่า การลงทุนในสินค้าประเภทน้ำมัน ต้องเตรียมรับมือกับการคาดการณ์ที่ว่าราคาคงจะไม่ลงมากว่าปัจจุบันแล้ว  ซึ่งในส่วนของบริษัทแม้จะไม่มีผลกระทบจากราคาน้ำมัน 
          แต่ในส่วนของก๊าซธรรมชาติที่ทิศทางรายได้และความเปลี่ยนแปลงเป็นไปตามราคาน้ำมัน โดยก๊าซ LPG ก็มีการปรับตัวขึ้นจาก 300 เหรียญ มาอยู่ที่ 800 เหรียญ แต่บริษัทยังตรึงราคาที่ 300 เหรียญอยู่ ซึ่งในอนาคตก็มีแนวโน้มที่ราคาคงจะปรับขึ้นแน่นอนในส่วนของอุตสาหกรรมและขนส่ง ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 
          ราคาน้ำมันในปีนี้มีแนวโน้มที่จะปรับไปอยู่ในระดับ 100 เหรียญ/บาร์เรลเนื่องจากปัจจุบันมีปัจจัยเข้ามาสอดแทรกจากภาวะภูมิอากาศ และการเข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนเฮจด์ฟันด์  จึงส่งผลทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่จะส่งผลต่อราคาน้ำมันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง 
          "ส่วนการที่ราคาจะปรับไปอยู่ที่ 200 เหรียญ/บาร์เรลอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์ไม่น่าจะเห็น แต่จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ที่ผิดปกติเช่นสงครามระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน" นายเทวินทร์ กล่าว 
          ทั้งนี้ หากประเมินการเข้ามาเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการแสวงหาตลาดเพื่อนำเงินไปลงทุน นอกเหนือไปจากตลาดหุ้นและตราสารหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพราม จึงเป็นสาเหตุทำให้ตลาดโลกมองว่าในปีนี้ราคาน้ำมันน่าจะมีทิศทางที่ลดลงแต่ยังทรงตัวในระดับสูง  นอกจากจะมีปัจจัยอย่างสงครามระหว่างอเมริกาและอิหร่านที่จะทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสไปถึง 200 เหรียญ/บาเรล  ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำมันหายไปจากตลาด 20 % 
          นายศุภเดช  อ่องสกุล กรรมการ สภาธุรกิจยางอาเซียน กล่าวว่า มองว่าการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนนอกเหนือไปจากการลงทุนในหุ้น  ตราสารหนี้และ อสังหาริมทรัพย์  เพราะสินค้าดังกล่าวจะมีผู้บริโภคที่สำคัญในเอเชีย ทั้ง จีน อินเดีย โดยจีนนำเข้าสินค้า ทองคำและยางพารา จนทำให้อัตราการเติบโตขึ้นไปอยู่ที่เลขสองหลัก   ซึ่งถ้าจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พวกนี้ลดลงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อนโยบายทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศต้องฉุดอัตราการเติบโตให้ลดลงต่ำลง ซึ่งเชื่อว่าไม่มีประเทศใดต้องการที่จะทำ เพราะจะทำให้กำลังซื้อของคนในประเทศลดลงไปด้วย 
          ทั้งนี้เมื่อดูจากอัตราการเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นถือว่าเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น อย่างทองคำที่ราคามาปรับตัวในช่วง 7 ปี ที่ผ่านมา น้ำมัน ในช่วง 5 ปี และสินค้าเกษตร ราคาปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ที่มีรายได้ประจำทั่วไปจะต้องเริ่มมองหาการออมเงินที่สร้างมูลค่าให้เพิ่มขึ้นแทนการฝากเงิน เพราะอย่างไรในระยะกลางถึงยาวเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคายได้ที่มีอยู่น้อยลงจากสินค้าที่แพงขึ้น
          นายสุชีล นารูลา รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า มองว่าการลงทุนในช่วงนี้จะเป็นการโยกเงินไปลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์แทนการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงสั้นบ้างจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น และจากปัญหาทางการเมือง และปัญหาซับไพร์มที่ยังต้องเผชิญและกดดัน  
          อย่างไรก็ตาม หากภายใต้เงื่อนไขที่สามารถควบคุมและไม่ยืดเยื้อก็เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนได้ในช่วงปลายไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ซึ่งก็จะผลักดันให้ดัชนีปรับไปที่ 900-1,000 จุดได้ โดยหุ้นที่แนะนำลงทุนคือ ธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจบันเทิง เพราะยังมีอัตราการเติบโตได้