บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกสำหรับปี 2566 จากแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคซึ่งจะถูกผลักดันจาก การเลือกตั้ง การเดินทางออกนอกบ้านมากขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก
แนวโน้มการบริโภคในประเทศยังคงเป็นขาขึ้นในปี 2566 จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การเลือกตั้ง และมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากรัฐบาล ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง แม้เราคาดว่า SSSG ของกลุ่มค้าปลีกจะชะลอตัวลงหลังจากฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 แต่ยังคงเป็นบวกที่ระดับ 1-5% นอกจากนั้น ยอดขายยังถูกขับเคลื่อนจากการการเปิดสาขาใหม่และการเติบโตของการขายผ่านทางออนไลน์
ประเมินว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในกลุ่มค้าปลีกส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นในปี 2566 ตามการเติบโตของยอดขาย การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงและสินค้า House brand ประกอบกับความกดดันด้านต้นทุนคาดว่าจะผ่อนคลายลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบบางประเภทเริ่มปรับตัวลดลง นอกจากนั้น ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดมากขึ้น
กำไรกลุ่มค้าปลีกจะเติบโตในเกณฑ์ดี จากการคาดการณ์ของเรา กำไรของกลุ่มค้าปลีกทุกบริษัทที่เราทำบทวิเคราะห์จะเติบโตได้ในเกณฑ์ดีในปี 2566 เป็นผลมาจาก SSSG เป็นบวก การเปิดสาขาใหม่ และอัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้น
แนะนำ ซื้อ CPALL, MARKO, BJC, HMPRO และ GLOBAL โดยเลือก CPALL เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากการเป็นผู้นำตลาดซึ่งได้ผลบวกชัดเจนจากการบริโภคฟื้นตัว ผู้บริโภคมีการเดินทางออกจากบ้านมากขึ้น และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้าร้านสะดวกซื้อ