ESSO และ PTTEP พากันปรับตัวลง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกถดถอย จะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน กดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงราว 2.4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประกอบกับตัวเลข PMI สหรัฐ ที่ออกมาแย่กว่าคาด โดยทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
เมื่อเวลา 10.10 น.ราคาหุ้น ESSO ปรับตัวลง 6.61% หรือลดลง 0.80 บาท มาที่ 11.30 บาท จากราคาเปิด 11.60 บาท ราคาสูงสุด 11.60 บาท และต่ำสุด 11.20 บาท
PTTEP ปรับตัวลง 4.06% หรือลดลง 7.00 บาท มาที่ 165.50 บาท จากราคาเปิด 169.50 บาท ราคาสูงสุด 169.50 บาท และต่ำสุด 165.50 บาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นของบมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO) และบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลีบม (PTTEP) ที่ปรับตัวลงมา คาดเป็นผลมาจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกถดถอย จะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ส่งผลกดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.4% เมื่อวนศุกร์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีหน้า ก็เป็นปัจจัยที่เข้ามากระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันด้วย รวมถึงตัวเลข PMI ของสหรัฐที่ออกมาแย่กว่าคาด โดยทำระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ก็สะท้อนถึงภาพธุรกิจอยู่ในภาวะหดตัว
ขณะที่ ESSO ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงมา โดยวันนี้อยู่ที่ 9.68 เหรียญฯ/บาร์เรล ลดลงจากวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่ 10.14 เหรียญฯ/บาร์เรล ทำให้อาจมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันได้ในไตรมาส 4/65 รวมถึงในเชิงเทคนิค ราคาหุ้นของ ESSO หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 11.50 บาท/หุ้น ทำให้มีการขายออกมา
ในส่วนของ PTTEP นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้ว ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าเกินพื้นฐาน ทำให้มีแรงขายออกมา ส่วนการขายหุ้นในโครงการแปลง 17/06 ประเทศแองโกลาที่ 2.5% ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับหลายๆ โครงการของ PTTEP ที่มีอยู่