นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจในปี 66 จะพลิกฟื้น Turnaround คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะกลับมาใกล้ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 หรือราว 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 65 ที่ 10 ล้านคน บริษัทจึงเตรียมความพร้อมสำรองเครื่องบินอีก 10 ลำเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีโอกาสกลับมาจำนวนมากหลังเปิดประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทยังตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของเที่ยวบินในประเทศ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 32%
นายสันติสุข กล่าวว่า ในปี 66 คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) จะเพิ่มขึ้นมาที่ 87-88% จากปี 65 ที่มี Load Factor ที่ 81% ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตตามมา สอดคล้องการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มเท่าตัว โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้เส้นทางระหว่างประเทศจะเพิ่มเป็น 60% ส่วนเส้นทางในประเทศอยู่ที่ 40% และ สัดส่วนผู้โดยสารต่างชาติ 40% และผู้โดยสารในประเทศ 60% จากปี 65 ผู้โดยสารต่างชาติ 30% และผู้โดยสารในประเทศ 70%
อีกทังราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยปี 66 จะปรับขึ้น 20% ที่รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำมัน ประมาณ 200-250 บาท/เที่ยว และตามความต้องการเดินทางมากขึ้นขณะที่จำนวนเที่ยวบินยังไม่สามารถกลับมาเปิดได้เท่าก่อนเกิดโควิด ทำให้ดีมานด์มากกว่าซัพพลายหนุนราคาขายดีขึ้น และเชื่อว่าจะไม่เกิดทำสงครามราคาเพราะทุกรายมีบทเรียนในอดีต
"ตัวเลขผู้โดยสารในปี 66 จะล้อไปกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ 18-30 ล้านคน โดยตั้งเป้าหมายผู้โดยสารปี 66 น่าจะมี 20 ล้านคน ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิดที่มี 22-23 ล้านคน แต่จำนวนเครื่องใช้ 53 ลำ จากเดิมเราใช้ 60 ลำ เราหวังว่าปีหน้าจะมีผลประกอบการเป็นบวก" นายสันติสุข กล่าว
ส่วนจีน เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นเรื่อยๆ จากก่อนหน้าเคยบินไปสัปดาห์ละ 2 เที่ยว ที่เซินเจิ้น และหางโจว แต่ขณะนี้เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณดีมาอย่างต่อเนื่อง การเปิดประเทศของจีนน่าจะเห็นชัดเจนในครึ่งหลังของปี 66 เริ่มจากฮ่องกง ซึ่งไทยแอร์เอเชียก็เพิ่มเที่ยวบินมากขึ้นเป็น 4 เที่ยว/สัปดาห์ จาก 1 เที่ยวต่อสัปดาห์ ขณะที่ มาเก๊า เตรียมเปิดประเทศในเดือน ม.ค.66
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอดูความชัดเจนว่าจีนจะเปิดประเทศช้าหรือเร็ว เพราะขณะนี้เริ่มมีการประเมินเบื้องต้นว่าจีนน่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นหลังช่วงตรุษจีนและจะจบประมาณปลาย มี.ค.66 ซึ่งก่อนเกิดโควิดสัดส่วนรายได้จากผู้โดยสารจีนอยู่ที่ 30% ของรายได้จากเส้นทางระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ในปี 66 ยังมีปัจจัยน่ากังวลได้แก่ ราคาน้ำมันอากาศยานที่มีโอกาสปรับขึ้นหากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อหรือขยายเป็นวงกว้าง ค่าเงินบาท และภาวะเงินฝืดหากเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่ก็ยังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตไปได้ดีโดยมีภาคท่องเที่ยวเป็นตัวหนุนหลัก และแม้ว่าเศรษฐกิจอาจถดถอยแต่เชื่อว่าการเดินทางยังจำเป็น และเชื่อว่าดีมานด์ท่องเที่ยวยังมีแต่อาจเที่ยวในระยะใกล้ขึ้น อาจปรับมาเที่ยวแบบประหยัดก็เป็นโอกาสสายการบินราคาประหยัดหรือ Low cost Airline
นายสันติสุข กล่าวว่าในปี 65 ถือเป็นปียากลำบากอีกปี คาดว่าจะยังประสบผลขาดทุนอยู่แต่จะขาดทุนลดลงจากปีก่อน โดยช่วงต้นปียังมีการระบาดโควิดอีกระลอก จนกระทั่งเดือน ก.ค.65 ได้มีการยกเลิก Thailand pass ทำให้การเดินทางเพิ่มขึ้น สถานการณ์ธุรกิจการบินดีขึ้นเห็นได้ชัดเจนในเดือน ต.ค.-ธ.ค. โดยไทยแอร์เอเชียกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศมากขึ้น ขณะที่เส้นทางในประเทศก็เปิดบินมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเปิดบินครบ 100%หรือเท่าก่อนโควิดในปี 66
ทั้งนี้ ในปี 65 ไทยแอร์เอเชียกลับมาบิน 78% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด ซึ่งมีเส้นทางระหว่างประเทศ 300 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และเส้นทางในประเทศ 700 เที่ยวบิน/สัปดาห์
แต่นายสันติสข ยังเชื่อว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/65 จะเติบโตกว่าไตรมาส 3/65 จากจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น และปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชีย กลับมาเป็นผู้นำตลาดการบินในประเทศ ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 32% (ม.ค.-ก.ย.65) ขณะที่จีนยังไม่เปิดประเทศ ก็ได้ผู้โดยสารอินเดียมาทดแทนซึ่งได้เปิดครบทุกเส้นทางแล้ว รวมถึงเส้นทางมาเลเซียและสิงคโปร์ก็ยังแข็งแรง ส่วนกรุงเทพ-ฟุกุโอกะ มียอดจอง 80% และยาวไปถึงมี.ค.66 เป็นตัวเลือกของคนไทยที่มีราคาเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเส้นทางโตเกียวหรือโอซาก้าที่ค่าตั๋วแพงขึ้น