บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินดัชนีหุ้นไทยสำหรับสัปดาห์ถัดไป (26-30 ธ.ค.) มีแนวรับที่ 1,600 และ 1,590 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,625 และ 1,635 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์โควิดในจีน รวมถึงการทำ Window Dressing ช่วงสิ้นปี ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของจีน ยอดค้าปลีก และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น
โดยตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดใกล้เคียงสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ SET Index เผชิญแรงขายในช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะแม้จะมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่ตลาดกลับมีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางหลายประเทศ ยังคงส่งสัญญาณในเชิงคุมเข้มนโยบายการเงิน ขณะที่ล่าสุด ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนกรอบการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีให้กว้างขึ้นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ นำโดยหุ้นแบงก์ และหุ้นกลุ่มพลังงาน ประกอบกับหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แห่งหนึ่ง มีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากประเด็นการถูกคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 หุ้นไทยขยับขึ้นได้เพียงเล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
โดยในวันศุกร์ (23 ธ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,617.55 จุด ลดลง 0.09% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,240.56 ล้านบาท ลดลง 20.37% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.69% มาปิดที่ระดับ 561.40 จุด