นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากข่าวล่าสุดที่เป็นข่าวดีมาจากทางคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) จะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 แต่ผู้ที่จะเดินทางเข้าจีนยังคงต้องได้รับการตรวจแบบ PCR ก่อนขึ้นเครื่องจากประเทศต้นทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และสำหรับการอนุญาตให้ประชาชนในจีนเดินทางออกนอกประเทศจะมีกลับมาเป็นเหมือนปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้งในเร็วๆนี้ ถือเป็นปัจจัยบวกที่ดีสำหรับตลาดห้องชุดในประเทศไทย
การกลับเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะนำมาซึ่งการซื้อห้องชุดเท่ากับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูในระยะต่อไป เพราะสัดส่วนของหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ชาวจีนลดลงต่ำกว่า 50% ในปี 65 จากเดิมเคยมีสัดส่วนสูงสุดถึงกว่า 60% ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ประเทศ รวมถึงผลกระทบจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน และนโยบายเศรษฐกิจจีนที่จะมุ่งเน้นการบริโภคในประเทศมากขึ้น
"มองการเปิดประเทศของจีนจะส่งผลดีอย่างแน่นอนต่อภาคการท่องเที่ยวทันที แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะได้รับผลดีอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 66" นายวิชัย กล่าว
ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมา ต่างชาติมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพิ่มขึ้น 62.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือติดเป็น 2,860 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส นับจากไตรมาส 3/64 โดยที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงขึ้น 58.2% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.46 หมื่นล้านบาท สูงที่สุดในรอบ 7 ไตรมาส นับจากไตรมาส 1/64
โดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ยังมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเป็นสัดส่วนที่มาก คือ ชาวจีน ที่ในช่วง 9 เดือนของปี 65 มีสัดส่วนการโอนสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 48.9% รองลงมาเป็นรัสเซีย สหรัฐฯ อังกฤษ และเยอรมัน ซึ่งกลุ่มชาวต่างชาติที่เป็นชาติตะวันตกเริ่มมีสัดส่วนในการเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยห้องชุดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นการทดแทนตลาดจีนในช่วงที่ปิดประเทศ และสิ่งที่น่าสนใจ คือ การที่เริ่มเห็นตัวเลขจากลูกค้าในอาเซียน ที่เริ่มมีจำนวนมากขึ้นในการเข้ามาซื้อห้องชุดในประเทศ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม รวมถึงมาเลเซีย ที่สนใจเข้ามาซื้อห้องชุดในประเทศไทย