INTERVIEW: I-CY CHAYA สร้างตำนานบทใหม่ปั้นแบรนด์ Tomahawk ต่อยอดฐานโต 7,000% สู่ความยั่งยืน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 4, 2023 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้รอดชีวิต !! ย้อนไปในช่วงโควิดปีแรกเชื่อว่าทุกคนยังจำความยากลำบากกันได้ดี หลายธุรกิจก็ล้มหายตายจาก ดูจะมีก็แต่บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างโดดเด่นในยุคนั้น? แต่ก็ไม่เสมอไป ยังมีบริษัทส่งออกสินค้าอาหารและเกษตรสัญชาติไทยที่ทำรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากร้อยล้านแตะหลักพันล้านบาทในปี 63 สวนทางกับอีกหลายธุรกิจที่ไม่ได้ไปต่อ นอกจากนั้นยังเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่สนามใหญ่ คือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นายอัณณ์นพ พรหมสุรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ-ซีวาย ชยา จำกัด เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ไอ-ซีวาย ชยา เริ่มต้นจากการเป็น Trading House เล็ก ๆ ที่ก่อตั้งขึ้นจากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจอาหารและการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ หลังจากเปิดบริษัทมาราว 2-3 ปีได้พบ Business Model ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน จึงนิยามตัวเองใหม่เป็น Food Distributor สินค้าอาหารและเกษตร (Agri Food) เน้นส่งออก โดยเฉพาะตลาดฮ่องกงและสิงคโปร์รวมกันราว 70% และส่วนที่เหลือจะเป็นตลาดอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

"ช่องทางการจัดจำหน่ายของเรามีทั้งแบบ B2B และ B2C ทั้งช่องทางซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ หรือกลุ่ม Food Chain Services ที่ค่อนข้างพรีเมียมให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพสินค้า โดยที่ผ่านมาประมาณสัก 6-7 ปี มีสินค้าแบรนด์เราจำหน่ายอยู่ใน Outlet ต่างประเทศ รวม ๆ แล้วน่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 Droppoint ในตลาดที่เราได้ทำมา" นายอัณณ์นพกล่าว

ปัจจุบัน บริษัทจำหน่ายสินค้าภายใต้ 3 แบรนด์หลักอย่าง "I-CY-CHAYA" ที่เป็นสินค้า Commodity เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่, "Doi" สินค้าผักผลไม้

และได้ปั้นแบรนด์ใหม่ล่าสุดอย่าง "Tomahawk" ที่เริ่มพัฒนามาได้ราว 3-4 ปี ซึ่งเห็นโอกาสการเติบโตอีกมากในอนาคต สะท้อนจากการบริโภคเนื้อวัวในประเทศไทยเมื่อ 5 ปีก่อนมีมูลค่าอยู่ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันมีมูลค่าพุ่งทะยานขึ้นไปถึง 2 แสนล้านบาท นับว่าเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล

แต่จากการทำ Market Research พบว่าเนื้อจากประเทศไทยถูดจักให้อยู่ในตลาดระดับกลาง-ล่าง ไม่ได้อยู่ในระดับพรีเมียมเหมือนเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศอย่าง ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น หรือสหรัฐฯ

"วันแรกที่เราทำแบรนด์ Tomahawk ก็คาดหวังที่จะทำเนื้อไทยคุณภาพดี เพื่อให้ไปแข่งขันในตลาดระดับบนได้ โดยปัจจุบันมีร้านจำหน่ายเนื้อสดที่เชียงใหม่และกทม. และในอีก 2-3 ปีก็วางแผนขยายให้ได้ราว 20 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้คาดว่าอีก 5 ปีต่อจากนี้ แบรนด์ Tomahawk จะเข้าไปอยู่ในตลาดอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ เพื่อช่วยเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของบริษัทให้ครบครันมากยิ่งขึ้น" นายอัณณ์นพ กล่าว

นายอัณณ์นพ กล่าวว่า หากมองภาพรวมของโลก จะพบว่าประชากรทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นอยู่ตลอด เพราะฉะนั้นการเติบโตของประชากรจะเป็นคำตอบว่าอุตสาหกรรมอาหารของโลกจะเติบโตได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งจะพบว่าทั้งตลาดเนื้อวัว เนื้อไก่ และเนื้อหมูทั้งในไทยและต่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล หรือในบางครั้งมีช่วงที่ซัพพลายไม่เพียงพอด้วยซ้ำ จากการที่ผู้เล่นในหลายประเทศไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ตามปกติ จากผลกระทบของภาวะโควิดและภาวะสงคราม

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในช่วงปีแรกมีรายได้หลักแสน แต่หลังจากปรับทิศทางธุรกิจทำให้ผลประกอบการเติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงหลักสิบล้าน และแตะหลักร้อยล้านในปี 62 แม้ช่วงโควิดปี 63 ก็ยังเติบโตแบบก้าวกระโดดรายได้พุ่งขึ้นมาเป็นหลักพันล้าน ด้วยความที่องค์กรมีขนาดเล็ก คล่องตัว จึงมีความ Flexible ค่อนข้างสูง ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตในยุคโควิดได้

"ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในยุคโควิด-19 มันกลับเป็นช่วงที่เราเติบโตได้เร็ว เพราะเราทำหลาย ๆ อย่างก่อนบริษัทอื่น เนื่องจากเราเป็นองค์กรขนาดเล็ก เวลาทำอะไรเลยทำได้เร็ว ยิ่งช่วงโควิดมันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ตอนนั้นไม่มีการบินเลย เราก็เป็นรายแรก ๆ ที่เหมาเครื่องบินส่งของไปฮ่องกง สิงคโปร์ เพื่อซัพพอร์ตลูกค้าของเรา" นายอัณณ์นพกล่าว

รายได้ของบริษัทมาถึงจุดที่แตะหลักพันล้านบาท เป็นความพยายามจากการใช้กลยุทธ์วิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) รวมถึงการทำ Market Research มาอย่างต่อเนื่อง เพราะกว่าสินค้าชนิดต่าง ๆ จะติดตลาดต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งช่วงโควิดก็เป็นจุดที่สินค้าติดตลาดพอดี จากการพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมและตอบโจทย์กับผู้บริโภคในแต่ละประเทศ

นายอัณณ์นพ กล่าวอีกว่า บริษัทค่อนข้างเจาะลึกในเรื่องการใช้งานสินค้า เพราะสินค้าที่บริษัทจำหน่ายก็เป็น Commodity ทั่วไป ดังนั้นต้องให้ความสำคัญที่การใช้สอยให้เหมาะสมกับลูกค้า เช่น ขนาดของถาดใส่สินค้า การตัดแต่งสินค้าให้สะดวกแก่การนำไปประกอบอาหารในชีวิตประจำวัน หรือการออกแบบสินค้าให้เหมาะสมกับลูกค้าร้านอาหาร ทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะให้ความสำคัญเรื่อง R&D และ Market Research มากพอสมควร

"ต้องบอกว่าเราไม่ได้คาดหวังจะเติบโต 7,000% ไปเรื่อย ๆ แบบนั้น เรามองไปในมุมที่ทำอย่างไรให้องค์กรของเราเติบโตแบบยั่งยืนควบคู่ไปกับการนำสินค้าของประเทศไทย ออกไปให้ตลาดโลกได้รับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าไทย แต่อย่างไรก็ตาม เราเองก็วางแผนรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 20-30% ต่อปี หรือถ้าในอนาคตเราจะสามารถเติบโตแบบยั่งยืนและก้าวกระโดดไปพร้อมกันได้ก็ดี" นายอัณณ์นพกล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีการเตรียมตัวที่จะเข้าไปสู่สนามใหญ่อย่างตลาดหลักทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องไปกับแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งตั้งแต่วันแรกในการเริ่มดำเนินธุรกิจได้ตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ จึงได้เตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ มาตั้งแต่ต้น อาทิ ระบบบัญชีและระบบการบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส และขณะนี้ได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) แล้ว เพื่อเข้ามาช่วยในการจัดการองค์กรและให้คำแนะนำในการเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

"การเตรียมแผนธุรกิจกับการเตรียมความพร้อมด้าน FA มันแบ่งเป็นสองด้าน และต้องทำควบคู่กันไป อย่างตอนนี้บริษัทเองก็มีแผนธุรกิจที่ค่อนข้างจะชัดเจนในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งแผนธุรกิจนี้ก็มีการรีวิวให้เหมาะสมกับการที่จะเข้าไปเติบโตในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป และหากเทียบเป็นเปอร์เซนต์ ตอนนี้ก็นับว่าเราเตรียมตัวมาได้น่าจะเกินครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งเรามองว่าการที่เราเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่มันมีกติกาและมาตรฐานเดียวกัน ก็จะเป็นโอกาสให้เรามีพาร์ทเนอร์หรือตลาดอื่น ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต" นายอัณณ์นพกล่าว

นายอัณณ์นพ กล่าวอีกว่า แผนธุรกิจในอีก 3-5 ปีข้างหน้ายังคงเติบโตภายใต้ Business Model เดิม แต่จะเป็นเกมที่ใหญ่ขึ้น คาดว่าใน 3 ปีต่อจากนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมี Representative Office ของไอ-ซีวาย ชยา ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และญี่ปุ่นเพื่อนำสินค้าจากประเทศไทยไปกระจายเข้าสู่ตลาด และที่สำคัญคือบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะเป็น Food Distributor สัญชาติไทยที่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในระดับโลกได้

"จริง ๆ ทุกวันนี้อย่าเรียกว่าเรา Success เลย เรียกว่าเรา Achieve ดีกว่า สิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะทีมงานทุกคนและกลยุทธ์ที่เราวางไว้ ในการทำงานของเรา เราไม่เคยมองว่าในการทำธุรกิจมันมีปัญหาเลย เพราะมีแต่คำว่า Obstruction และเราจะเข้าไปแก้สิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกวันนี้แผนงานของเราก็ยังคงดำเนินต่อไป เพราะเรามี Stakeholders อยู่ ทั้งเกษตรกร โรงงาน หรือลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของสินค้าแบรนด์เรา ซึ่งทุกคนถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันธุรกิจเราให้มันเติบโตขึ้นได้" นายอัณณ์นพ กล่าว

https://youtu.be/iNDgNSiiWcs


แท็ก ตำนาน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ