THAIดิ้นสู้น้ำมันแพงหวั่นกระทบกำไร ขึ้นเซอร์ชาร์จฯอีกรอบ-ปรับปรุงบริการ

          บมจ.การบินไทย(THAI)ดิ้นสู้น้ำมันพุ่งไม่หยุดหวั่นกระทบกำไรสุทธิปีนี้ไม่โต แม้เชื่อว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายและ Cabin Factor ทั้งปีสูงกว่า 80% โดยเตรียมปรับขึ้นเซอร์ชาร์จน้ำมันอีกรอบเร็ว ๆ นี้ พร้อมปรับกลยุทธ์ขายตั๋วโดยสารเพื่อให้ได้ส่วนต่างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น และปรับปรุงคุณภาพบริการคละแอร์โฮสเตสเก่า-ใหม่ในแต่ละเที่ยวบินเอาใจผู้โดยสาร
          ร.ท.อภินันท์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจว่าในปีนี้จะทำรายได้ตามเป้าหมาย 2.2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 2 แสนล้านบาท ขณะที่อัตราบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor)น่าจะสูงกว่า 80% แต่ในส่วนของกำไรสุทธิยังต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในเชิงธุรกิจและแผนการควบคุมต้นทุน เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
          ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 1/51 บริษัทมีอัตรา Cabin Factor สูงกว่า 82% ซึ่งส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังไม่สามารประเมินได้ชัดเจน เนื่องจากมีผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดที่ระดับ 300 เซ็นต์/แกลลอน สูงกว่าที่บริษัทตั้งงบค่าใช้จ่ายไว้ที่ 220 เซ็นต์/แกลลอน 
          ที่ผ่านมาแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมัน(เซอร์ชาร์จ)ไปแล้ว แต่ก็สามารถครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้เพียงแค่ 60% เท่านั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับเซอร์ชาร์จน้ำมันขึ้นอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ แต่อัตราที่ปรับขึ้นจะเป็นเท่าใดต้องขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาค่าธรรมเนียมน้ำมันของบริษัท 
          นอกจากนั้น บริษัทยังพยายามปรับวิธีการขายตั๋วเพื่อให้ได้ส่วนต่างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมามีการกำหนดช่วงราคาของตั๋วในแต่ละเที่ยวบิน ซึ่งบริษัทจะต้องหาวิธีการที่จะขายตั๋วในช่วงราคาที่สูงขึ้นให้ได้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะพนักงานต้อนรับ(แอร์โฮสเตส)ที่จะต้องคละแอร์โฮสเตสใหม่ และแอร์โฮสเตสเก่าที่มีประสบการณ์ในแต่ละเที่ยวบิน เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า 
          "จากที่มี comment การให้บริการของการบินไทย ขณะนี้ก็ได้มีการแก้ไขปัญหา โดยพยายามคละแอร์หน้าใหม่กับแอร์ที่มีประสบการณ์สูงเข้าไปใน flight เดียวกัน เราก็เชื่อมั่นว่าแอร์ที่ประสบการณ์สูงก็สามารถแก้ไขเฉพาะหน้าได้ดีกว่า เพราะชั่วโมงบินสูง แต่จากที่ไม่เคยใช้แอร์หน้าใหม่ในเฟิร์สคลาสก็คงต้องใช้บ้าง"ร.ท.อภินันท์ กล่าว
          ส่วนกรณีที่สหภาพยุโรป (อียู)ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ THAI กว่า 20,000 ล้านบาทตามข้อกล่าวหาว่าการบินไทยและสายการบินนานาชาติกว่า 25 สายการบิน รวมตัวกันเพิ่มค่าระวางสินค้าในเส้นทางบินระหว่างประเทศ ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศถือเป็นกลไกการแข่งขันราคาที่ไม่เป็นธรรมกับผู้โดยสารและผู้บริโภคนั้น
          ร.ท.อภินันท์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ตั้งทีมกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเตรียมยื่นชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 14 เม.ย. อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าหากจะต้องเสียค่าปรับ ก็จะไม่ถึง 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากตามข้อกำหนดจะคิดค่าเสียหายที่ 10% ของรายได้รวม ณ จุดที่เมืองแฟรงเฟิร์ตเท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับคำตอบอย่างเป็นทางการจากอียูในเดือน ธ.ค.51 
          ร.ท.อภินันท์ ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ ได้แก่ นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม, นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง, นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด, นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร, นายพิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชี บมจ.ปตท.(PTT),นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์, นายวิกรม คุ้มไพโรจน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน
          นางรัชนี ตรีพิพัฒน์กุล กรรมการบริหาร บริษัท พี. โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด อดีตกรรมการ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย),นายวิศิษฐ์ ลิ้มประนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ง่วนสูน (1974) เยาวราช จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์พริกไทยตรามือ, นายอมรศักดิ์ นพรัมภา ประธานกรรมการ บล.กรุงศรีอยุธยา, พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
          พล.ร.อ.เดชา อยู่พรต เสนาธิการทหารเรือ, พล.ต.อ.วุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ อดีตประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), นายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และ ร.ท.อภินันทน์
          ส่วนการที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยบางคนคัดค้านการแต่งตั้งกรรมการใหม่ เนื่องจากไม่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสรรหา แต่เป็นการแต่งตั้งโดยกระทรวงการคลังในฐาะนผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น ร.ท.อภินันท์ กล่าวว่า การบินไทยได้คัดเลือกผู้มีคุณสมบัติและมีความรู้ในหลายแขนงวิชา และจำเป็นที่จะต้องเร่งแต่งตั้ง โดยไม่ผ่านคณะกรรมการสรรหา เพราะการมีคณะกรรมการเหลือเพียง 5 คนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และ ไม่สามารถบริหารงานหรือมีมติใด ๆ ได้ 
          หลังจากนี้จะมีการประชุมบอร์ดทั้ง 15 คนเพื่อแต่งตั้งประธานบอร์ดคนใหม่ในการประชุดนัดแรกให้เร็วที่สุด