ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดรูดลงเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ตลาดยังร่วงลงหลังจากบริษัทยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส) ประกาศลดคาดการณ์ผลกำไร ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกันแนวโน้มเศรษฐกิจ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 49.18 จุด หรือ 0.39% แตะระดับ 12,527.26 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 11.05 จุด หรือ 0.81% แตะระดับ 1,354.49 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 26.64 จุด หรือ 1.13% แตะระดับ 2,322.12 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.22 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.92 พันล้านหุ้น
นายโจ คินาคาน นักวิเคราะห์จากบริษัททิงเคอร์สวิม กรุ๊ป กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มขนส่งร่วงลงและยังทำให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลง ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นรุนแรงในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมากเช่นนี้ ทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น)"
เมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้น 2.37 ดอลลาร์ แตะระดับ 110.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยสต็อคน้ำมันที่ร่วงลงเกินคาด นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบยังฉุดหุ้นกลุ่มสายการบินทรุดตัวลง ซึ่งธุรกิจประเภทนี้ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
ยูพีเอสซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งรายใหญ่ของโลกประกาศลดคาดการณ์ผลกำไรเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงและต้นทุนพลังงานพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้หุ้นยูพีเอสร่วงลง 3.7% ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2549
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบส่งผลให้ราคาหุ้นคอนติเนนตัล แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 7.6% หุ้นเจบี ฮันท์ ทรานสปอร์ต เซอร์วิส ซึ่งอยู่ในกลุ่มขนส่ง ดิ่งลง 6%
หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ซึ่งจะรายงานผลประกอบการในวันศุกร์นี้ ร่วงลง 2.4% ขณะที่หุ้นคาเตอร์พิลลาร์ อิงค์ และ หุ้น ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ คอร์ป ซึ่งอ่อนไหวต่อความผันผวนของราคาพลังงาน ร่วงลงเช่นกัน
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทยอมรับว่าอาจขาดสภาพคล่องมากขึ้น ขณะที่หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 4.8% หลังบริษัทเปิดเผยว่า การผลิตเครื่องบิน 787 ดรีมไลเนอร์จะไม่ล่าช้ามากเท่ากับที่ตลาดคาดไว้
ส่วนหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 7% หลังจากสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์สประกาศต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 1,000 เที่ยว เพื่อตรวจสอบปัญหาเกี่ยวกับสายไฟในระบบไฮโดรลิกของเครื่องบินรุ่นเอ็มดี-80 ตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยของสำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--