นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานสัมนา "โอกาสในการพัฒนาตลาดทุน เพื่อขับเคลื่อนอนาคต สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า ปัจจุบันเทรนด์การลงทุนได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีเทรนด์หลักๆที่มีการเปลี่ยนแปลงไปและจะเข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจ คือ 1.การเปิดกว้างของการลงทุน โดยขณะนี้ตลาดทุนไทยเปิดกว้างมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยจะเห็นได้จากการออกไปลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทำได้ง่ายมาก ยกตัวอย่างเช่นการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลักล้านบัญชีในปีที่ผ่านมา หรือ ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อที่จะนำเงินจำนวนน้อยๆเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆที่อยู่ในต่างประเทศได้
"เทรนด์ของนักลงทุนไทยที่ได้รับลิ้มลองสินทรัพย์ใหม่ๆที่ไม่เคยได้ลองมาก่อน เมื่อก่อนเรามองว่าเขาเป็นของตายของเราไม่สามารถออกไปไหนได้ แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ของตายแล้ว เขามีช่องทางการลงทุนใหม่ของเขา ขณะที่ปัจจุบันตลาดหุ้นในสหรัฐเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาแล้วหลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้แค่ใช้นิ้วกดไป"นายกอบศักดิ์ กล่าว
2. เทรนด์ด้านเทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป โดยขณะที่ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงไปแบบไม่เคยเป็นมาก่อน โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงมาเมื่อ 2,000 ปี แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น เนื่องจากการเก็บข้อมูลต่างๆในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มากกว่า 80-90% ของที่มีการเก็บข้อมูลมาในอดีต ซึ่งจะทำให้บริษัทที่ดำเนินกิจการในธุรกิจดั้งเดิมเริ่มจางหายออกไปจากตลาดทุน อาทิเช่น รถยนต์ เรื่องใช้ไฟฟ้า โรงเหล็ก รวมไปถึงอาหาร เป็นต้น
โดยปัจจุบันมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้าน DATA และ AI ซึ่งบริษัท Startup ระดับ Unicorn เกิดขึ้นมามากมายทั่วโลก แต่ปัญหาคือไม่มีเกิดขึ้นในประเทศไทย และจำนวนของการตั้งบริษัท Startup ในประเทศไทยปรับตัวน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศอื่นๆในภูมิภาคมีความคึกคักมาก ในอนาคตความน่าสนในของตลาดหลักทรัพย์ไทยจะมีความน่าสนใจที่ลดลง
3.เทรนด์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่เกิดขึ้นในหลายๆประเทศทั่วโลกจะเป็นผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้าน Supply Chain ทั่วโลก โดยปัจจุบันนักลงทุนทั่วโลกกำลังสนใจและพุ่งเป้าที่การเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นโอกาสของทุกๆประเทศในอาเซียน แต่ปัญหาคือในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนที่เข้ามายังประเทศไทยนั้นน้อยมาก เทียบกับเวียดนาม และ อินโดนีเซีย ซึ่งต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดในช่วง 5 ปีต่อจากนี้โครงสร้าง โครงการต่างๆ จะมีการพัฒนาและหลายๆอุตสาหกรรมจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาประเทศไทยอีกต่อไป จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอีกมาก
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงอีก 5 ปี ข้างหน้ากรุงเทพจะมีพื้นที่ CBD ใหม่ๆเพิ่มขึ้น และ มีเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนทดแทนการเข้าไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์
" 3 เทรนด์หลักที่เกิดขึ้น เราจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และ วางตัวเองให้ดี หาจุดยืนให้ถูก เพราะหากเราทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ไม่ดีเราก็จะกลายเป็นลูกน้องเขาแล้วเมื่อเวลาผ่านไป นี่คือความหนักใจ"นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกถึง 3 เป้าหมายที่สำคัญของประเทศไทย คือ 1.จะต้องหาจุดที่เปลี่ยนแปลงของตลาดทุนไทย อาทิ การกลับมาของสิทรัพย์ดิจิทัลประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน จะดึงนักลงทุนเข้ามายังประเทศไทยได้อย่างไร 2.จะทำอย่างไรให้ตลาดทุนปกป้องทุกคนอย่างแท้จริง อาทิเช่น การปั่นหุ้น การใช้ช่องว่างต่างๆ หากสามารถกำจัดสิ่งเหล่านี้ไปได้จะช่วยให้ความน่าสนใจของตลาดทุนไทยมากยิ่งขึ้น 3.จะต้องหาทางให้ตลาดทุนไทยทำงานเพื่อทุกๆคนอย่างแท้จริง การทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กๆเข้าถึงได้อย่างแท้จริง