นางสาวปิยะภัทร์ สุวรรณสังข์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี (PSTC) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2566 มั่นใจว่าจะเป็นปีที่เติบโตดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ
บริษัทให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อ เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) โดยคาดว่าจะ COD และรับรู้รายได้ในปีนี้ ถือว่าเป็นการลงทุนที่เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ (Recurring Income) มีผลการดำเนินงานที่เติบโตมั่นคง และยังเป็นดาวเด่นของธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนนโยบาย ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคต
2.ธุรกิจโรงไฟฟ้า เน้นไปที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งขยายทำโซล่ารูฟท็อปให้ภาคเอกชน มีการจำหน่ายขายไฟ ในรูปแบบของ Private PPA 3. ธุรกิจก่อสร้าง (EPC) ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงาน นอกจาก backlog เดิมที่มีในมือยังเตรียมตัวเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการในปีนี้ ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญ และ 4. ธุรกิจจำหน่าย LNG เจาะกลุ่มไปยังโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีลักษณะสัญญาระยะยาว 5- 10 ปี
ในปีนี้บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคม ชุมชน โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อเส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ไทย ไปป์ ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด (TPN) บริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม PSTC และ EGCO ที่เสร็จสมบูรณ์ และอยู่ในช่วงทดลองระบบการขนส่งทางท่อ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาส 2/66
คลังน้ำมันดังกล่าวจะมีความทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น บนพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ความจุถังรวม 157 ล้านลิตร มีท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมต่อสถานีคลังน้ำมันที่สระบุรีถึงสถานีคลังน้ำมันที่ขอนแก่นระยะทาง 342 กิโลเมตร ผ่าน 55 ตำบล 18 อำเภอ 5 จังหวัด ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อม ให้ประโยชน์ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น ด้านประเทศชาติ ที่ส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันของประเทศ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งน้ำมันไปยังภูมิภาค
โดยในด้านประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ใช้น้ำมันในราคาที่ใกล้เคียงกับกรุงเทพ ช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ในภาคธุรกิจ ที่จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งน้ำมัน และในด้านสิ่งแวดล้อม ที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน ที่สำคัญช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเปรียบเทียบได้กับการปลูกป่ามากถึง 67,000 ไร่
นอกจากนี้ คาร์บอนเครดิตจะเป็นของผู้มาใช้บริการท่อส่งน้ำมันและคลังน้ำมันของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของประเทศ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ OR, CHEVRON, ESSO SHELL, THAIOIL, BANGCHAK, IRPC และ PTG
"ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับกลุ่ม PSTC อย่างมั่นคงและยั่งยืน เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพและความยืดหยุ่นในการจัดส่งน้ำมันไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้กับผู้ใช้บริการท่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังตอบโจทย์การมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ของบริษัทน้ำมันชั้นนำทั่วประเทศ ที่มี road map มุ่งสู่การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สอดคล้องกับพันธกิจองค์กร PSTC ที่มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม" นางสาวปิยะภัทร์ กล่าว