ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานที่ปรับตัวลดลง และบริษัทค้าปลีกรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 54.72 จุด หรือ 0.44% แตะระดับ 12,581.98 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 6.06 จุด หรือ 0.45% แตะระดับ 1,360.55 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 29.58 จุด หรือ 1.27% แตะระดับ 2,351.70 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.29 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.20 พันล้านหุ้น
นายอลัน เกล นักวิเคราะห์จากบริษัทริดจ์เวิร์ธ แคปิตอล เมเนจเมนท์ กล่าวว่า "นักลงทุนขานรับตัวเลขชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐคึกคักขึ้นและจำนวนคนว่างงานลดน้อยลง"
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้น้ำหนักกับยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทค้าปลีก อาทิ บริษัทวอล-มาร์ท สโตเรส และบริษัทคอสท์โค โฮลเซล ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทค้าปลีกในสหรัฐสามารถฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจได้" นายเกลกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่สถาบันการเงินหลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า พร้อมกับจับตาดูข่าวที่ว่าเลห์แมน บราเธอร์ส ได้จัดหาสภาพคล่องให้กับกองทุน 3 แห่งและเข้าซื้อสินทรัพย์ของกองทุนเหล่านี้เป็นวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
ด้านนายปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัทเอวาลอน พาร์ทเนอร์ส กล่าวว่า นักลงทุนยังคงตื่นตระหนกกับข่าวที่ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว และจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ทรุดตัวลงด้วย
IMF กล่าวในรายงาน "World Economic Outlook" ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพียง 0.5% เท่านั้นในปี 2551 ซึ่งถือเป็นอัตราการขยายตัวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 17 ปี เนื่องจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค นักลงทุน และผู้ประกอบทั่วโลกในขอบข่ายที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ หุ้นยาฮูดีดขึ้น 3% หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ดีดขึ้น 18 เซนต์ ปิดที่ 14.61 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัทยาฮู อิง และบริษัทเอโอแอลซึ่งเป็นบริษัทในเครือของไทม์ วอร์เนอร์ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 4.46 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ผู้ผลิตซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
นายมาร์ก มาฮานีย์ นักวิเคราะห์ จากซิตี้กรุ๊ป อิงก์ กล่าวว่า หากยาฮูสามารถควบรวมกิจการกับเอโอแอลได้ จะทำให้ทั้งคู่กลายเป็นผู้นำการให้บริการข้อมูลเสิร์ชเอนจิ้น อันดับที่ 2 และ 4 ตามลำดับ โดยยาฮูจะมีสัดส่วนผู้นิยมเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 21.6% ขณะที่เอโอแอล อยู่ที่ 4.9% และไมโครซอฟท์เป็นอันดับ 3 อยู่ที่ 9.6% ส่วนอันดับที่ 1 ยังคงเป็นของกูเกิล อิงก์ ที่ 59.2%
หุ้นไมโคซอฟท์ ดีดขึ้น 22 เซนต์ ปิดที่ 29.11 ดอลลาร์ หุ้นนิวส์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ ปิดที่ 19.44 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นวอล-มาร์ทพุ่งขึ้น 52 เซนต์ ปิดที่ 54.66 ดอลลาร์ และหุ้นคอสท์โค บวกขึ้น 49 เซนต์ ปิดที่ 66.52 ดอลลาร์ หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาด
หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ร่วงลง 29 เซนต์ ปิดที่ 40.25 ดอลลาร์ จากข่าวที่ว่าเลห์แมน บราเธอร์ส จัดหาสภาพคล่องให้กับกองทุน 3 แห่งและเข้าซื้อสินทรัพย์ของกองทุนเหล่านี้เป็นวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--