นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดฟื้นตัวขึ้นได้ตามดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. หลังตัวเลขเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ขณะที่นักลงทุนน่าจะชะลอการขายหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์หลังตอบรับปัจจัยลบต่างๆ ไปค่อนข้างมากแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงคาดว่าแรงหนุนจากหุ้น Domestic play คงจะกลับเข้ามาประคองตลาดเอาไว้ได้
ให้แนวรับไว้ 1,664-1,672 จุด และแนวต้าน 1,684-1,691 จุด
ประเด็นลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (20 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,375.49 จุด เพิ่มขึ้น 330.93 จุด หรือ +1.00%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,972.61 จุด เพิ่มขึ้น 73.76 จุด หรือ +1.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,140.44 จุด เพิ่มขึ้น 288.17 จุด หรือ +2.66%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,880.21 จุด พุ่งขึ้น 326.68 จุด หรือ +1.23% ตลาดหุ้นในเอเชียปิดทำการเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (23 ม.ค.) ม.ค. เนื่องในเทศกาลตรุษจีน เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการในเทศกาลปีใหม่ของชาวเกาหลี
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 ม.ค.65) 1,677.25 จุด ลดลง 11.23 จุด, -0.67%
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,755.84 ลบ.เมื่อวันที่ 20 ม.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (20 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 81.31 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 ม.ค.) อยู่ที่ 10.66 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.63 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 32.60-32.95
- "ตรุษจีน" ปลุกเศรษฐกิจไทย ม.หอการค้าฯ คาดเงินสะพัด 4.5 หมื่นล้าน สูงสุดรอบ 3 ปี 5 กลุ่มสินค้าเฮง คนแห่ซื้อเพิ่ม พ่วงแพ็กเกจทัวร์-ร้านอาหารคึกคัก กลุ่มวันสยาม-เดอะมอลล์ แข่งจัดอีเวนต์ดูดทรัพย์ "เซ็นทรัล" คาดฟัน 6 พันล้าน ร้านทองยิ้ม คนซื้อเพิ่ม 20% ททท.คาดสร้างรายได้ท่องเที่ยว 9 วัน 2.1 หมื่นล้าน
- ส่องเทรนด์ดอกเบี้ย "ขาขึ้น" แบงก์กลับมาแข่งระดมเงินฝาก หวังล็อกต้นทุน "ทีทีบี" ระบุดอกเบี้ยขึ้น 2 ขาทั้งฝาก-กู้ เพื่อพยุงส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย ฟากกรุงไทยมองแบงก์แห่ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากแทนระดมเงิน
- สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1-16 ม.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 78 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับปีที่แล้วทั้งปี เฉลี่ยอยู่ที่ 95.4 เหรียญ ดังนั้น ในปีนี้อัตราเงินเฟ้อน่าจะลดลงและสามารถอยู่ในอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้ในกรอบ 1-3%
- ผ่าแผนแม่บท AI แห่งชาติ กลไกใหญ่ปลุกเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐวางโรดแมป 6 ปี ยกระดับดัชนีความพร้อม เอไอไทย ไม่ต่ำกว่าลำดับที่ 50 ของโลก เกิดการลงทุนเอไอเพิ่ม 10% ต่อปี สร้าง ผู้เชี่ยวชาญไม่ต่ำกว่า 30,000 คน "ไอบีเอ็ม" ชี้เป็นเทรนด์ใหญ่ธุรกิจต้องมอง "นักวิชาการ" หวั่น AI อาจสร้างผลลบ โดยเฉพาะ "แรงงาน" หากไม่สร้างความตระหนักรู้ให้ดี
- สถิติการค้าของไทยกับประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป) หลังเปิดใช้ครบ 1 ปีแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.65 พบว่าไทยมีการขาดดุลการค้ากับประเทศคู่ค้าที่เป็นสมาชิกกว่า 9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการที่ไทยส่งออกไปประเทศสมาชิกอาร์เซปมูลค่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 4.8 ล้านล้านบาท และยอดนำเข้าจากประเทศสมาชิกอาร์เซป มูลค่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 5.7 ล้านล้านบาท โดยการนำเข้าส่วนใหญ่ของไทยมาจากบรูไน ออสเตรเลีย และเมียนมา เป็นอันดับต้น ส่วนการส่งออกส่วนใหญ่เป็นประเทศกลุ่มอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย กัมพูชา และสิงคโปร์ เป็นตลาดส่งออกอันดับต้น รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ และออสเตรเลีย
*หุ้นเด่นวันนี้
- MAKRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "เก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 42 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 คาดฟื้นตัวแข็งแรงและทำจุดสูงสุดของปีจากการ Reopening และคาดเริ่มเห็นผลบวกจากการทยอยปรับธุรกิจร่วมกับ Lotus?s แนวโน้มปี 66 คาดฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือค่าไฟที่ปรับขึ้น แต่เรายังมอง SSSG ยังเติบโตได้และเห็น Synergy กับ Lotus?s มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสถูกหยิบเข้าคำนวณดัชนีสำคัญอย่าง MSCI
- PTTEP (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 176.00 บาท ราคาน้ำมัน Brent รักษาระดับเหนือระดับ $80/บาเรล (ล่าสุดอยู่ที่ $87.63/บาเรล) ติดตามแผนการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ใน ก.พ.-มี.ค.66 ขณะที่ Demand น้ำมันเร่งตัวขึ้นหลังจีนเปิดประเทศ ปันผลปี 4-5% ในปี 66 (คาดการณ์) จะช่วยค้ำยันราคาหุ้นช่วงตลาดผันผวน แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 ประเมินที่ 1.99 หมื่น ลบ. +54%YoY, -17%QoQ หนุนด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 6.8 หมื่น พัน ลบ. และ 6.9 หมื่น ลบ. +75%YoY, +2%YoY ตามลำดับ
- ADVANC (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 240 บาท คาดกำไรสุทธิหลัก ไตรมาส 4/65 เกณฑ์ดีที่ 6.5 พันล้านบาท (-3.8% YoY, +4.2%QoQ) ซึ่งจะหนุนกำไรสุทธิหลักปี 66 ที่ +9.5% และคาดรายได้ปี 66 +4.5% ซึ่งจะสูงกว่าบริษัทควบรวมใหม่ (TRUE+DTAC) ที่จะเติบโต 2.9% นอกจากนี้คาด ADVANC จะได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลง มากกว่าคู่แข่ง