บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์ กรณีที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ยังคงชะลอการลงทุนโครงการ Gas to Power (G2P) ในประเทศเมียนมา เนื่องจากได้เลื่อนพัฒนาโครงการเมียนมา เอ็ม 3 (M3) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากปัญหาทางการเมืองภายในเมียนมา
เรามีมุมมองเป็นกลาง เพราะสอดคล้องกับมุมมองของเราที่เชื่อว่าบริษัทจะต้องชะลอการลงทุนโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ในประเทศเมียนมาออกไปก่อน เนื่องจากปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ ทั้งนี้ บล.ดาโอ ยังไม่ได้รวมโครงการ G2P และ M3 เข้าไปในประมาณการ จึงไม่มีผลกระทบต่อประมาณการกำไร และ valuation
สำหรับภาพรวมระยะสั้น คาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท (-4% YoY, -58% QoQ) ลดลงอย่างมาก QoQ หลักๆ จากราคาขายเฉลี่ย (ASP) ลดลงและต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว รวมถึงค่าชดเชยให้กับกลุ่มผู้เลี้ยงสาหร่ายในอินโดนีเซีย และการตั้งสำรองผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และ 66 ที่ 6.81 หมื่นล้านบาท และ 6.93 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 3.89 หมื่นล้านบาทในปี 64 คงคำแนะนำ "ถือ" ที่ราคาเป้าหมาย 190.00 บาท อิงวิธี DCF (WACC 6.7%, TG 0%) และราคาน้ำมันดิบระยะยาวที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล