"ในปีนี้เราจะเราจะเริ่มมีรายได้จากการติดตั้ง EVCharger ซึ่งจะมี 2 รูปแบบคือเราติดตั้งเองและรับรู้รายได้ กับอีกแบบคือการขายเครื่องไปเลย และแม้ว่าเราจะมีการขายเครื่อง EVCharger ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเราจะยังมีรายได้ประจำจากการให้บริการระบบ Payment ของจุดต่างๆ ในทุกครั้งที่มีการชาร์จไฟด้วย"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทจะเดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นแตะ 500 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท โดยจะขยายทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระสินค้า เน้นกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มที่ดูแลตู้บุญเติมกว่าแสนราย รวมถึงยังมีเครือข่ายสมาชิกกลุ่มใหญ่อีกกว่า 1 ล้านราย ด้วยช่องทางเข้าถึงที่หลากหลาย การรับชำระเงินที่สะดวกสบายทั้งบุญเติม แอปพลิเคชัน และการตัดชำระผ่านบัญชี ทำให้มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า จากแผนงานในปีนี้ทำให้บริษัทคาดผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต โดยได้รับปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่จะกลับเข้ามาด้วย ในปีนี้บริษัทยังจะรับรู้รายได้จากธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ Robotic Barista ?เต่าบิน" ที่ FSMART มีสัดส่วนถือหุ้น 26.71% เข้ามาเต็มปี หลังจากปี 65 รับรู้รายได้เพียง 6 เดือน ขณะเดียวกันยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามการติดตั้งตู้บุญเติมเพิ่มในทุกๆ พื้นที่ จากปี 65 บริษัทขยายตู้ได้ครบตามเป้าหมาย 5,000 ตู้ และยังคงเดินหน้าขยายตู้ให้ครบ 20,000 ตู้ในอนาคตามแผนงาน "ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าบริษัทโดนกระทบจากหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโควิด-19 ผลกระทบจากอุทกภัย และฤดูฝนที่ยาวนานกว่าปกติซึ่งต้องยอมรับว่ากลุ่มลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตามได้เริ่มเห็นการฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และเราก็เชื่อว่าในปีนี้ก็จะมีการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจไทยที่ได้แรงหนุนหลักจากการท่องเที่ยวที่กลับมา"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว