นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 ที่ 1.3 พันล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน และทำสถิติสูงสุดใหม่ (New high) โดยมีเป้าหมายรับงานนิติบุคลและบริหารโครงการเพิ่มเป็นกว่า 150 โครงการ จากปัจจุบัน 120 โครงการ โครงการในเครือบริษัทแม่ คือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) จะมีสัดส่วนเป็น 40% ส่วนอีก 60% เป็นโครงการนอกเครือ
ขณะเดียวกัน ยังมีแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด "Super Living Service" ขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หลากหลายมิติ ได้แก่ 1.เพิ่มบริการเซ็กเมนต์ใหม่ เช่น โครงการระดับลักชัวรี 2.เปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่ช่วยเติมเต็มความครบวงจรงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก
และ 3.บุกตลาดต่างจังหวัดทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และเขาใหญ่ ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ที่ หัวหิน และ จ.ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง
ในช่วงไตรมาส 2/66 บริษัทจะเริ่มนำร่องบุกตลาดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรกที่จังหวัดภูเก็ต โดยทยอยส่งบริษัทย่อยทั้ง 8 บริษัท เข้าไปดำเนินธุรกิจ ได้แก่ บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้บริการบริหารนิติบุคคล ดูแลคุณภาพชีวิตลูกค้าทั้งระดับทั่วไปและระดับลักชัวรี เช่น โครงการวิลลา
ส่วน บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด ให้บริการนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า และพัฒนาโครงการ บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ดูแลบริการงานด้านความสะอาด บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ให้บริการตกแต่งภายในครบวงจร และบริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย
บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash & Dry) พร้อมกับขยายอาณาจักร Super Living Service ซึ่งมีทั้งการสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น
ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาในการทำดีล M&A ในธุรกิจต้นน้ำด้านงานวิศวกรรม 1 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในครึ่งปีแรกนี้ โดยที่เงินลงทุนมาจากเงินที่ได้จาก IPO จะนำมาใช้รองรับดีลดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายงานไปยังการบริหารจัดการงานเอ็นเตอร์เทนเมนท์ต่างๆ โดยเริ่มจากการบริหารจัดการงานโชว์ต่างของบริษัทในเครือ คือ บริษัท ออริจิ้น มิวสิค จำกัด ซึ่งทำค่ายเพลง และมีการโชว์การแสดงของศิลปินในค่าย ซึ่งบริษัทได้เริ่มเข้าไปบริหารจัดการงานอีเว้นท์ต่างๆให้ และในอนาคตจะต่อยอดไปถึงการบริหารจัดการสถานที่ของงานประชุม สัมมนา และงานแสดงขนาดใหญ่ต่างๆ และจะต่อยอดไปยังธุรกิจ Catering ซึ่งเริ่มมีการฝึกอบรมพนักงานเข้ามารองรับงานดังกล่าวแล้ว