บมจ.จี แคปปิตอล (GCAP)ประกาศความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP และเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยบุกธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร ชูกลยุทธ์การสร้างรายได้จากธุรกิจ Non Lending Business ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
คณะกรรมการบริษัทมีมติให้เสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติในวันที่ 8 มี.ค.เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกใหม่ไม่เกิน 405 ล้านบาทเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง ได้แก่ Advance Opportunities Fund (AO Fund) และ Advance Opportunities Fund 1 (AO Fund 1)
พร้อมทั้งจะเพิ่มทุนจดทะเบียน 97,403,249 บาท จากเดิม 186,703,660.50 บาท เป็น 284,106,909.50 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 194,806,498 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รองรับ (1) การใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ AO Fund และ (2) การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
สำหรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทน PP จำนวนไม่เกิน 93,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะเสนอขายให้แก่ AO Fund คิดเป็นสัดส่วน 19.56% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังเพิ่มทุน ส่วนที่ 2 จำนวนไม่เกิน 4,500,000 หุ้น เสนอขายให้นายศาวิณ เลาเศรษฐกุล คิดเป็นสัดส่วน 0.95% และจำนวนไม่เกิน 4,500,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ Mr. Fong Pin Jan คิดเป็นสัดส่วน 0.95%
กรณีของ AO Fund หากใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทแล้วจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ AO Fund และ AO Fund 1 รวมกันแล้วมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท (Tender Offer)
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. จี แคปปิตอล กล่าวว่า AO FUND มีนโยบายการร่วมลงทุนเพื่อดำเนินธุรกิจกับ GCAP ในระยะยาว ผนึกความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ที่มีความหลากหลายและการเติบโตร่วมกันในอนาคต
ในปี 66 เป็นต้นไป GCAP ชูกลยุทธ์การเติบโตใน 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ Lending Business เป็นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจมายาวนาน และมีฐานลูกค้ากลุ่มเกษตรกรที่ใช้บริการซึ่งสามารถต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และ Non-Lending Business เป็นการสร้างธุรกิจและรายได้นอกเหนือจากธุรกิจสินเชื่อ เช่น โครงการสร้างสนามบินที่เกาะเต่า และโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการเครื่องจักรกลการเกษตร ที่กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ในครั้งนี้จะเป็นการขยายธุรกิจเพื่อสร้างรายได้จาก Non Lending Business โดยธุรกิจหลักทรัพย์ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน การผนึกกำลังของ GCAP ร่วมกับกองทุน AO FUND ซึ่งมีเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน จะทำให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จและสร้างฐานรายได้ให้เติบโตต่อเนื่องได้ในอนาคต และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักลงทุน
การออกหุ้นเพิ่มทุน PP ให้กับกองทุน AO FUND ในครั้งนี้ จะทำให้ AO FUND ถือหุ้น GCAP ในสัดส่วน 19.56% เงินทุนที่ได้รับจากการเพิ่มทุนนี้ จะนำมาจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท เพื่อดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โดย GCAP จะถือหุ้นในสัดส่วน 100%
ทั้งนี้ 2 บริษัทย่อยจะรองรับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร โดยการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ก. ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจด้านการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์, การค้าหลักทรัพย์, การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์, การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน, การจัดการกองทุนรวม, การจัดการกองทุนส่วนบุคคล, กิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ แบบ ค. ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจด้านการจัดการกองทุนรวม การจัดการกองทุนส่วนบุคคล การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุนฯ การค้าหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุนฯ การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุนฯ การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน และการจัดการเงินร่วมลงทุน