นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) ยืนยันส่งคืนพื้นที่และทรัพย์สินในโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล - หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) แน่ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการถึงขั้นขาดทุน แม้อาจมีผลบ้างแต่เชื่อว่าจะไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อภาพรวมรายได้
เบื้องต้น EASTW ประเมินว่าในปี 66 จะมีรายได้มากกว่าปี 65 ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำโดยรวมทั้งปีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 3-5% ประกอบกับปีนี้จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำตามธรรมชาติน้อยลง จึงทำให้ครัวเรือนและธุรกิจมีความจำเป็นต้องซื้อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเพิ่มมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัทยังตั้งเป้าหมายสัดส่วนการใช้น้ำของกลุ่มภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% ในปี 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 5%
บริษัทได้คาดการณ์การปริมาณการใช้น้ำของผู้ใช้น้ำในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า โดยวางแผนการลงทุนก่อสร้างตั้งแต่ปี 64 สร้างท่อส่งน้ำสายหลักที่ลงทุนเพิ่มไว้ความยาวรวม 136 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.โครงการระบบท่อส่งน้ำมาบตาพุด-สัตหีบ ความยาว 26.70 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 1,321 ล้านบาท เริ่มโครงการก่อสร้างตั้งแต่เดือน ธ.ค. 65 และคาดว่าจะพร้อมส่งจ่ายน้ำภายในเดือน พ.ย.66
2.โครงการระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง ความยาวรวม 67.14 กิโลเมตร พร้อมลงทุนก่อสร้างสถานีสูบน้ำเพิ่มแรงดัน โดยเริ่มก่อสร้างแล้วตั้งแต่ก.ค. 65 และคาดว่าจะพร้อมส่งน้ำได้บางส่วนในต้นปี 66 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานทั้งหมดก่อนสิ้นปีนี้ วงเงินลงทุนรวมประมาณ 4,201 ล้านบาท
นายเชิดชาย ระบุว่า การส่งมอบพื้นที่และทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล - หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) คืนให้กับกรมธนารักษ์ เพื่อให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลรายใหม่ในสัญญาสัมปทานนั้น ทาง EASTW ได้ทำแผนส่งไปยังกรมธนารักษ์แล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลารายละเอียดที่ชัดเจน เพราะต้องหารือร่วมกันกับกรมธนารักษ์อย่างละเอียดรอบคอบก่อนเพื่อให้การส่งมอบพื้นที่และทรัพย์สินเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ
"เรามีแผนการส่งมอบส่งให้กรมธนารักษ์แล้ว แต่การกำหนดเวลาหรือรายละเอียดนั้น ยังไม่สามารถระบุให้ชัดเจนได้ แต่ยืนยันว่าเรายินดีที่จะให้ความร่วมมือ และได้มีการหารือกันอยู่ประจำ ทั้งแผนงาน และการตรวจสอบทรัพย์สินว่ายังใช้งานได้ หรือไม่ได้" นายเชิดชาย กล่าว
อย่างไรก็ดี หากมีคำสั่งให้ต้องส่งมอบ EASTW ก็พร้อมจะจะดำเนินการให้ความร่วมมือ ซึ่งการส่งมอบควรเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบรายเก่ารายใหม่ที่จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่หากการส่งมอบต้องทำให้การส่งน้ำต้องหยุดชะงัก ก็เป็นห่วงว่าจะเกิดปัญหากับผู้ใช้น้ำ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศในการบริหารจัดการน้ำด้วย ดังนั้นจึงขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างราบรื่น
นายเชิดชาย กล่าวว่า ขณะนี้ศาลปกครองยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีที่ EASTW ยื่นฟ้องศาลปกครองเรื่องการยกเลิกกระบวนการคัดเลือกประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ครั้งที่ 1 และการคัดเลือกผู้ชนะประมูล ครั้งที่ 2 จึงอยากให้รอฟังคำตัดสินจากศาลออกมาก่อน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อกรมธนารักษ์ และเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องค่าเสียหาย
"อยากให้ศาลตัดสินก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทั้งภาครัฐ ไม่ให้เสี่ยงต่อการจะถูกฟ้องร้องค่าเสียหาย หรือค่าโง่ ไม่ว่าจะตัดสินใทางใดทางหนึ่ง หากมีค่าเสียหายเกิดขึ้น อาจจะเกิดผลกระทบกับภาครัฐ หรือบริษัท ดังนั้นควรรอให้มีคำตัดสินชัดเจนจะดีที่สุด แต่หากเราถูกกำหนดให้ส่งมอบ เราก็ต้องดำเนินการตาม แต่ผลกระทบก็คงต้องเตรียมแผนให้ชดเจน" นายเชิดชาย กล่าว