นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) ประกาศความมั่นใจฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสภาพคล่องยังรองรับการเติบโตได้ จากล่าสุดปรับแผนเพิ่มทุนเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) และบุคคลในวงจำกัดแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องทิศทางดำเนินงานของบริษัท และเป็นการปรับโครงสร้างงบดุลเพื่อการเติบโตในอนาคต
แผนการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทได้รับเงินเข้ามาราว 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินเพิ่มทุนจาก RO จำนวน 1.1 พันล้านบาท และจาก PP จำนวน 300 ล้านบาท รวมถึงเป็นการเปิดทางให้ บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ GP Group ภายใต้การบริหารงานของ นิชิต้า ชาห์ นักธุรกิจหญิงเชื้อสายอินเดีย และครอบครัวชาห์ ตระกูลใหญ่จากอินเดีย เข้ามาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ช่วยต่อยอดและดำเนินงานในการขยายธุรกิจในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารธุรกิจมิสยูนิเวิร์สที่จะมีเครือข่ายธุรกิจของ GP Group เข้ามาเสริมได้ เช่น ธุรกิจเครื่องดื่ม ธุรกิจเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว เป็นต้น ที่จะนำมาผนวกเข้ากับแบรนด์มิสยูนิเวิร์ส
"เรามั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัท และขอแก้ข่าวต่างๆที่ถาโถมเข้ามาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ได้มีการวางแผนด้านการเงินของเราเป็นอย่างดี ซึ่งการเพิ่มทุนก็ช่วยให้เรารองรับการเติบโตต่อไปได้ และแอนเองก็ต้อง Dilute ไปด้วย แต่ก็ได้ทำให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้น และมีพันธมิตรที่เป็นระดับ Billionare เข้ามาเสริมต่อการก้าวเป็น Global Brand" นายจักรพงษ์ กล่าว
พร้อมกันนั้น นายจักรพงษ์ ยังยืนยันว่า JKN สามารถนำเงินมาชำระคืนห้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนอย่างแน่นอน โดยมีเงินรองรับไว้แล้ว และยังมีความสามารถออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อนำมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมได้ ซึ่ง JKN มีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในไตรมาส 1/66 วงเงิน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม
สำหรับธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส (MUO) หลังจากที่ลงทุนเข้าซื้อกิจการไปเมื่อต.ค. 65 มูลค่า 800 ล้านบาท ถือว่าปัจจุบันมีรายได้เข้ามาหลังจากที่ประกวด Miss Universe ครั้งที่ 71 ที่สหรัฐในช่วงเดือน ธ.ค. 65 และใช้เวลาคืนทุนไปเร็วเพียง 3 เดือน จากนี้จะมีรายได้เข้ามาจากการรับเป็นเจ้าภาพจากเอลซัลวาดอร์ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาไตรมาสละ 400 ล้านบาท ยังไม่รวมรายได้ที่จะเข้ามาจากการตอบรับเป็นเจ้าภาพอีก 2 ประเทศที่เตรียมจะปิดดีลในเร็ว ๆ นี้
บริษัทยังจะทยอยปรับขึ้นค่าเฟรนไชส์ม์สยูนิเวิร์สในการจัดประกวดนางงามในแต่ละประเทศเป็น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิม 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทำให้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากในส่วนนี้เข้ามา รวมถึงในปีนี้จะมีการต่อยอดแบรนด์มิสยูนิเวิร์สไปสู่ธุรกิจเครื่องดื่มบิวตี้ดริ้งค์ ที่จะสร้างม๋ลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจมิสยูนิเวิร์สเพื่อให้พร้อมจะเข้าไปสู่ตลาดหุ้น NASDAQ ในสหรัฐฯ
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า JKN ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ 3.86 พันล้านบาท สัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจคอนเทนท์ 50-60% ธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส 25-30% และธุรกิจ Commerce 20-25% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องที่ราว 40% ควบคู่ไปกับการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งหลังจากบริษัทเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วเสร็จ D/E จะลดลงมาอยู่ที่ 1.01 เท่า จากปัจจุบันที่ 1.97 เท่า
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า มีโอกาสที่จะนำบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม Spin off เข้าตลาดหลักทรัพย์ หลังจากมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง และมีกำไรแล้วในปี 65 ที่ผ่านมา