นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้นเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ตอบรับนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะเดียวกันเฟดก็มองเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า
แต่อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของ SET วันนี้น่าจะไม่เกิน 1,700 จุด เนื่องจากเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงลงราว 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,670-1,675 จุด และแนวต้าน 1,695-1,700 จุด
นอกจากนี้ นักลงทุนติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งตลาดคาดจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.5% รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐ ในคืนนี้
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 ก.พ.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,092.96 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด หรือ +0.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,119.21 จุด เพิ่มขึ้น 42.61 จุด หรือ +1.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,816.32 จุด พุ่งขึ้น 231.77 จุด หรือ +2.00%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,453.67 จุด เพิ่มขึ้น 106.79 จุด หรือ +0.39%, ส่วนดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 22,276.23 จุด เพิ่มขึ้น 204.05 จุด หรือ +0.92% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,291.78 จุด เพิ่มขึ้น 6.86 จุด หรือ +0.21%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 ก.พ.66) 1,685.75 จุด เพิ่มขึ้น 14.29 จุด (+0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 63,797.02 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 191.91 ลบ.เมื่อวันที่ 1 ก.พ.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.(1 ก.พ.) ร่วงลง 2.46 ดอลลาร์ หรือ 3.12% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 ก.พ.) อยู่ที่ 8.94 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.71 แข็งค่าขานรับเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามตลาดคาด จับตา ECB-BoE ต่อ
- "บอร์ดอีวี" นัดหารือมาตรการหนุนลงทุนแบตอีวี "สรรพสามิต" ลดภาษีลงเหลือ 1% เตรียมเคาะแนวทางจ่ายเงินอุดหนุนผู้ผลิตแบต 2.4 หมื่นล้าน จ่ายแบบขั้นบันไดตามขนาดแบต-ขนาดโรงงาน หวังทำให้ราคาแบตและอีวีลดลงได้ หนุนอีโคซิสเต็มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า "สมาคมยานยนต์ไฟฟ้า" หนุนเต็มสูบ ชี้ดีมานด์ในไทยพุ่ง ยอดจดทะเบียนรถป้ายแดงปี 65 "บีอีวี" แซงหน้ารถ ไฮบริดเป็นปีแรก
- กกต.กางแผนเลือกตั้ง จ่อถกระดมความเห็นพรรคการเมือง 8 ก.พ. เกณฑ์คำนวณส.ส.พึงมี ยึดรัฐธรรมนูญมาตรา 86 ขณะที่การแบ่งเขตเลือกตั้ง รู้ผล 28 ก.พ. ด้าน "ประยุทธ์" เปลี่ยนแผนโชว์พลังดูด เปิดปราศรัยบ้านเกิด เปิด "ผู้สมัคร" เมืองย่าโม 18 ก.พ. "ประวิตร" ย้ำพื้นที่ราชบุรี ขณะที่ประชุมสภาล่มต่อเนื่อง ภท.ขู่แขวนกัญชาเจอเอาคืน
- "กกร." คงกรอบประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ มั่นใจจีดีพียังเติบโต 3-3.5% ส่งออกขยายตัว 1-2% เงินเฟ้ออยู่ที่ 2.7-3.2% หลังเศรษฐกิจไทยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคท่องเที่ยว แต่วิตกค่าไฟฟ้าดอกเบี้ยดันต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจต้องผลักภาระไปยังราคาสินค้าให้ผู้บริโภค ยืนกรานค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ควรลดลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- AAV (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดผลการดำเนินงานปกติจะขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ยังถูกกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายส่งคืนเครื่องบินอีก 5 ลำตามแผน แต่ฝั่งรายได้จะมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจการบินที่ฟื้นตัวในช่วง High Season การท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังสามารถปรับขึ้นราคาค่าโดยสารราว 20-25% จากการบวก Fuel Surcharge เส้นทางบินในประเทศ รวมถึงอานิสงส์ของค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่า ส่งผลให้งวดไตรมาส 4/65 มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิได้ โดยทุกๆ 1 บาท ที่แข็งค่าจะทำให้มีกำไรจาก FX ประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุนจาก China Reopening โดยจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์เดินทางเข้ามามากขึ้นตั้งแต่เดือน ก.พ.ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวเร็วกว่าคาด
- ERW (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 5 บาท ดักเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ก่อนที่กรุ๊ปทัวร์จีนจะเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันจันทร์หน้า (6 ก.พ.) เป็นต้นไปเพิ่มยอดจองห้องพักและ Occupancy rate เพิ่มขึ้น