นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มองถึงการลงทุนในธุรกิจที่เพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัท โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์บนทำเลศักยภาพสูงซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับ โดยบริษัทได้ลงทุนพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 13 ไร่ของบริษัท ริมถนนรัชดาภิเษก ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลภายในอาคารและด้านหน้าอาคาร ซึ่งได้ "จ๊อดแฟร์" เข้ามาร่วมมือในการบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด
การมีพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์บริหารไนท์มาร์เก็ตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างสูงมาร่วมบริหารโครงการ ทำให้มั่นใจว่าโครงการจะได้รับความนิยมทั้งกลุ่มคนไทย ตลอดจนตลาดนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคัก รวมทั้งยังมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้าขนาดย่อมให้มีโอกาสทางธุรกิจและช่องทางบนทำเลที่ดีเยี่ยม โครงการดำเนินการโดย บมจ.วีรีเทล ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจพื้นที่เชิงพาณิชย์
นายพรสวัสดิ์ เกษจุฬาศรีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วีรีเทล เปิดเผยว่า โครงการตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ย่านศูนย์กลางธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดของกรุงเทพ และมีระบบขนส่งมวลชนอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยอยู่ติดสถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีส้ม โครงการมีมูลค่า 7 พันล้านบาท ประกอบด้วย 2 โซน ได้แก่ อาคารสูง 12 ชั้น และ พื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร ตัวอาคารมีพื้นที่รวมกว่า 93,000 ตลรางเมตร แบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตารางเมตร พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตารางเมตร พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตารางเมตร จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร สวน ล็อบบี้ อีก 15,000 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่สำนักงาน จะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และบริษัทในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยรวมพนักงานที่อยู่ตามอาคารสำนักงานต่างๆ เข้ามาอยู่ศูนย์กลางที่เดียว พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง มีแผนพัฒนาให้เป็นสำนักงานทันสมัย ภายใต้แนวคิด Smart Green Office ทั้งการอนุรักษ์พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ การออกแบบอาคารให้แสงธรรมชาติเข้าถึงภายในเพื่อประหยัดพลังงาน มีสวนรูฟการ์เด้นและพื้นที่สีเขียวภายในอาคาร ติดตั้ง Solar roof ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มี EV Charging Station สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการจัดการอาคารมาใช้ อาทิ ระบบจดจำใบหน้าในการเข้าออก ระบบจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ ระบบแลกบัตรผ่านเข้าออกอัจฉริยะ ระบบชำระค่าจอดรถแบบไร้สัมผัส เป็นต้น
ภายในมีทั้งพื้นที่สำนักงานเต็มรูปแบบ และพื้นที่แบบ Co-Working Space พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและสันทนาการ ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนทำงานได้ครบ สำหรับพื้นที่รีเทลซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของโครงการ บริหารพื้นที่โดย "จ๊อดแฟร์" ภายในอาคารจะเป็นร้านอาหารร้านค้าไลฟ์สไตล์ ส่วนด้านหน้าอาคารจะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ โดยโครงการกำหนดเปิดให้บริการในปี 67 นายไพโรจน์ ร้อยแก้ว ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาดจ๊อดแฟร์ เปิดเผยว่า "จ๊อดแฟร์" จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่รีเทลทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตารางเมตร จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน แนวคิดหลัก คือการใช้สถาปัตยกรรมเป็นเครื่องบ่งชี้ความแตกต่าง สร้างภาพจำให้กับลูกค้าและผู้ที่มาใช้บริการให้เห็นและจดจำได้แม้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นการนำเอาสถาปัตยกรรมเก่าๆ กึ่งโรงงานเข้ามาใช้ และนำแฟชั่นสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกัน ร้านค้าภายในตัวอาคาร จะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าในหลายๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนว วินเทจ แฟชั่น, สตรีท แฟชั่น, อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ดนตรี งานศิลปะ งานคราฟต์ เป็นต้น สำหรับพื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคาร ประมาณ 5.6 ไร่ จะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ ที่มีทั้งพื้นที่เป็นล็อค ร้านค้า และร้านในรูปแบบคีออส รวม 798 ร้าน จะใช้รูปแบบของ "จ๊อดแฟร์" เดิมเป็นหลัก และจะเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยยังคงคอนเซ็ปท์ไนท์มาร์เก็ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ "จ๊อดแฟร์" เพื่อให้โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะมีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่