นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัล รีเทล (CRC) กล่าวว่า การแข่งขันในธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศๆไทยที่ค่อนข้างรุนแรง และมีผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองตลาดในประเทศที่รู้จักกันอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของ CRC มีร้านสะดวกซื้อแบรนด์แฟมิลี่มาร์ท (Family mart) นั้นได้มีการพิจารณาถึงความเหมาะสมของธุรกิจและสภาพการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
บริษัทให้ความยืดหยุ่นกับธุรกิจในเครืออยู่ตลอดเวลา หากธุรกิจใดที่ไม่ได้สะท้อนภาพแนวทางของบริษัทชัดเจน ก็สามารถปรับลดบทบาท หรืออาจขายทิ้งไปก็เป็นไปได้ ซึ่งปัจจุบัน CRC ได้มีการปรับธุรกิจในเครือที่อยู่ในพอร์ตให้ยืดหยุ่นและเหมาะสม
ประกอบกับการที่ CRC หันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว สามารถสร้างโอกาสการเติบโตให้กับ CRC ที่ต่อเนื่องได้ และมีความผันผวนไม่มาก เห็นได้จากงบลงทุนในปีนี้ที่ตั้งไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท ใช้ลงทุนในกลุ่มแฟชั่น และอาหารค่อนข้างมาก ในสัดส่วน 45% และ 35% ตามลำดับ เพราะเป็นธุรกิจที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมา
ส่วนธุรกิจฮาร์ดไลน์ ใช้เงินลงทุนในสัดส่วน 25% เท่านั้น เพราะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและที่อยู่อาศัยมองว่าฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปในธุรกิจร้านะดวกซื้ออย่างร้านแฟมิลี่มาร์ท ที่มีพื้นที่ประมาณ 150 ตางรางเมตร มองว่าพื้นที่ร้านมีขนาดเล็ก และตอบสนองความต้องการผู้บริโภคไม่ครบถ้วน ทำให้หันมาโฟกัสในธุรกิจแบรนด์ท็อปส์ (Tops) ที่มีขนาดพื้นที่ร้านขนาดใหญ่กว่าที่ 250-300 ตารางเมตร วางสินค้าครบถ้วนมากกว่า ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบัน และสามารถขยายสาขาเข้าใกล้ชุมชนและหมู่บ้านได้เช่นกัน ซึ่งในปี 66 บริษัทมีแผนเปิดสาขาแบรนด์ Tops ราว 15 สาขาภายใต้โมเดล Tops Market
"บริษัทถือว่ามีความยืดหยุ่นในพอร์ต ไม่ฟิกมาก หากธุรกิจใดที่เริ่มไม่ตรงกับเทรนด์ผู้บริโภคก็ไม่ลดบทบาท หรืออาจตัดขายออกไป ซึ่ง แฟมิลี่มาร์ท ก็เป็นธุรกิจที่อาจจะไม่ตรงกับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน เหมือนกับ Tops ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่มากกว่า" นายญณน์ กล่าว