นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 65 กำไรเพิ่มขึ้นทุบสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 5 ปี โดยมีกำไรสุทธิ 202.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% จากงวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 161.4 ล้านบาท เป็นผลจากการที่บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ The JAS Green Village คู้บอน ช่วงปลายปี 64 ทำให้สามารถรับรู้รายได้จากพื้นที่เช่าได้เต็มปี รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงศูนย์การค้าและพื้นที่เช่าให้มีอัตราการเช่าที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้กำลังซื้อกลับมาคึกคัก โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 556.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.4% จากงวดปีก่อนที่มีรายได้ 433.5 ล้านบาท
ในปี 66 มั่นใจว่า J จะวิ่งได้เร็วกว่าเดิมและคล่องตัว ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจน โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในโครงการพัฒนาศูนย์การค้าชุมชน ณ สิ้นปี 65 มีจำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย The Jas วังหิน, The Jas รามอินทรา, Jas Urban ศรีนครินทร์, Jas Village อมตะ ชลบุรี และ Jas Green Village คู้บอน
และคาดการณ์ปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ ที่ Jas Green Village บางบัวทอง และ Jas Green Village รามคำแหง สนับสนุนพื้นที่เช่าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเฉียด 100,000 ตารางเมตร สร้างกระแสเงินสดเข้ามาเพิ่มขึ้น จากก่อนหน้านี้บริษัทเคยเปิดโครงการใหม่เพียงปีละ 1 โครงการ แสดงถึงความพร้อมในเรื่องการลงทุน และการบริหารจัดการ บนทำเลที่มีศักยภาพ เป็นป่าล้อมเมืองที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ รวมถึงการต่อยอดร่วมกับพันธมิตร สร้างวาไรตี้ให้ศูนย์การค้าชุมชนให้มีความครบวงจร และโดดเด่นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายหลังจากที่บริษัทแม่ JMART ได้เข้าลงทุนใน สุกี้ ตี๋น้อย ก็พร้อมที่จะรวมกันเป็นพันธมิตรในการขยายศูนย์การค้าออกไปในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ คาดจะได้เห็นสาขาแรก สุกี้ตี๋น้อย ที่ JAS Amata ชลบุรี เร็วๆ นึ้
สำหรับภาพรวมการขยายธุรกิจด้านสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ของโครงสร้างประชากรไทยที่จะเป็นสังคมของผู้สูงอายุมากขึ้น บริษัทได้เปิดโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ ภายใต้แบรนด์ "Senera Senior Wellness" เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา และมั่นใจว่าจะเข้ามาเสริมฐานรายได้ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น