นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (A) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทพร้อมต้อนรับศักราชใหม่กับกลยุทธ์ดำเนินธุรกิจภายใต้แผน 2023 AP INCLUSIVE GROWTH ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน ด้วยแผนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจ โดยใช้ความชำนาญที่มีมาสร้างโอกาส และข้อได้เปรียบให้เกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ภายใต้ปรัชญาที่ต้องการส่งมอบชีวิตดีๆ ที่ทุกคนเลือกเองได้
บริษัทตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในปี 66 ที่จะผลักดันยอดขาย 5.8 หมื่นล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 5.75 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ทำยอดขาย 5.04 หมื่นล้านบาท และยอดโอนทะลุเป้ามาที่ราว 4.8 หมื่นล้านบาท
"เป็นอีกปีหนึ่งที่ AP พุ่งทะยานไปต่อ BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัด เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้เกิดขึ้น มากกว่า New High Record" นายวิทการ กล่าว
ในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ท้าทายมากยิ่งขึ้นด้วยมูลค่าสูงสุดในตลาด 58 โครงการ มูลค่ากว่า 7.7 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 3.48 หมื่นล้านบาท ทาวน์โฮม 27 โครงการ มูลค่า 2.64 หมื่นล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 1.18 หมื่นล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4 พันล้านบาท
บริษัทมองว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้เติบโตขึ้นจากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวกลับมา ทำให้ชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น และส่งผลบวกต่อกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่จะเข้ามาซื้อและโอนเพิ่มขึ้น เป็นผลบวกต่อภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้ที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงกับปีก่อนเผชิญโควิด-19
ส่วนตลาดแนวราบยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน จากความต้องการซื้อบ้านของกลุ่มลูกค้าในประเทศที่ยังสูงต่อเนื่องทั้งกลุ่มทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว อีกทั้งเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ
นายวิทการ เปิดเผยอีกว่า บริษัทได้ตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ 2 หมื่นล้านบาทสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต ขณะที่มูลค่ายอดขายรอโอนของบริษัทอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบ 2.3 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยโอนเข้ามาในปีนี้ ส่วนคอนโดมิเนียมมี Backlog อยู่ 1.9 หมื่นล้านบาท จะทยอยโอนไปจนถึงปี 68 และในปีนี้จะมีคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จโอนเข้ามา 4 โครงการ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดธุรกิจใหม่เกี่ยวเนื่องกับบริการด้านอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยในเชิงนวัตกรรมอีก 2-3 ธุรกิจ อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดลอง ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่เสริมให้กับบริษัทในเครือของ AP คือ Smart BC เช่นเดียวกับธุรกิจ FIT FREIND ที่เป็นแอพพลิเคชั่นเทรนเนอร์ที่เปิดบริการเชิงพาณิชย์ปลายไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมา และได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถสร้างรายได้ในช่วง 3-4 เดือนที่เปิดให้บริการเข้ามาราว 5 ล้านบาท