นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ผลประกอบการของปี 2565 เอไอเอสทำรายได้รวม 185,485 ล้านบาท เติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 26,011 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ปัจจัยหลักมาจากในฝั่งของต้นทุนที่เจอความท้าทายจากราคาพลังงานและเงินเฟ้อ แต่ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างเหมาะสม ทำให้เอไอเอสมี EBITDA อยู่ที่ 89,731 ล้านบาท ลดลง 1.8% จากปีก่อน และมี EBITDA Margin แข็งแกร่งที่ระดับ 48% พร้อมจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 4.24 บาทต่อหุ้น
- ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่
ในปี 2565 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 1.9 ล้านราย จากการส่งมอบคุณภาพ และการให้บริการที่เหนือกว่า วันนี้เอไอเอสได้ก้าวข้ามการแข่งขันด้วยราคาในตลาด ด้วยการมุ่งสร้างประสบการณ์การดิจิทัลที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถือรวม 46 ล้านเลขหมาย ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการรายเดือนที่ยังคงสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในเชิงรายได้และผู้ใช้บริการ
ในส่วนของการให้บริการ 5G ที่วันนี้มีลูกค้าอยู่ที่ 6.8 ล้านราย เติบโตก้าวกระโดดจาก 2.2 ล้านราย ในปี 2564 ด้วยการพัฒนาคุณภาพให้บริการบนเครือข่าย 5G ที่เร่งขยายโครงข่ายครอบคลุม 85% ของพื้นที่ประชากรทั่วประเทศ และมากกว่า 99.95% ในพื้นที่กรุงเทพฯ
- ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
เอไอเอส ไฟเบอร์ มีรายได้เติบโตกว่า 19% ในปี 2565 นับเป็นการเติบโตเหนืออุตสาหกรรม ด้านลูกค้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 390,000 ราย ทำให้ลูกค้ารวมอยู่ที่ 2.2 ล้านราย ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 16% ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับตลาดเน็ตบ้านด้วยการสร้างมาตรฐานการแข่งขันให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งเทคโนโลยีด้านคุณภาพอย่างการเปิดให้บริการ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบไร้สาย หรือ Fixed Wireless Access (FWA) ด้วยเทคโนโลยี 5G mmWave เป็นครั้งแรกในไทย การร่วมมือ NOKIA ทดลองเทคโนโลยี 25G PON ครั้งแรกในเอเชีย เพื่อนำเสนอบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษ และ AIS Fibre ยังเป็นผู้เล่นรายแรกในไทยที่เปิดให้บริการ 2Gbps รวมถึงการยกระดับการให้บริการลูกค้าที่พร้อมดูแลลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
- ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร
เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทั้งในมุมการรับรู้ที่ AIS Business ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้ให้บริการสำหรับองค์กรและธุรกิจ โดยผลสำรวจของ Global Data ที่รวบรวมจากกลุ่มธุรกิจชั้นนำกว่า 200 องค์กร รวมถึงในมุมของรายได้ที่ยังคงสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 26% จากปีก่อน โดยในปีที่ผ่านมา AIS Business สามารถเชื่อมต่อการทำงานกับองค์กรภาคธุรกิจ ด้วยการส่งมอบเทคโนโลยีและโซลูชัน ที่มุ่งสร้าง Digital Business Ecosystem ให้มีความสมบูรณ์แบบ ทั้งบริการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเชื่อถือได้ ด้วยความพร้อมเต็มรูปแบบของ Intelligent Network, Cloud Platforms และ Cyber Security ตอบโจทย์การให้บริการลูกค้าด้วยการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ พร้อมการสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ ๆ เฉพาะอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Smart Manufacturing, Smart Transportation & Logistics, Smart City & Building และ Smart Retail
- ธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส
ยังคงมุ่งนำศักยภาพด้านดิจิทัลเทคโนโลยี มาออกแบบบริการดิจิทัลที่สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าและคนไทย ทั้งในแง่ของประสบการณ์ด้านคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็น Disney+ Hotstar ผู้ให้บริการคอนเทนต์วิดีโอแพลตฟอร์มระดับโลก หรือแม้แต่การเป็นศูนย์รวมคอนเทนต์กีฬา อาทิ ฟุตบอลไทยลีก, ฟุตซอลไทยแลนด์ลีก, Golf LPGA, ลีกบาสเกตบอล 3x3BL, รายการ ONE Championship รวมถึงวันนี้ AIS ยังคงต่อยอดบริการดิจิทัลเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างรอบด้าน อาทิ บริการประกันดิจิทัลจาก AIS Insurance Service รวมถึงบริการช่องทางชำระเงินออนไลน์ผ่าน mPAY PGW ? Payment Link solution เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้จ่ายที่ง่าย สะดวกสบาย ปลอดภัย
"สำหรับภาพรวมผลงานปี 2565 ของ AIS ถือว่าอยู่ในระดับน่าพึงพอใจ โดยในปีนี้ AIS ยังเดินหน้าลงทุนเพื่อคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเตรียมงบลงทุนกว่า 27,000 - 30,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Cognitive Tech-Co หรือการเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมอัจฉริยะ ด้วยการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้มีความแข็งแรง เพิ่มขีดความสามารถของโครงข่ายให้มีความอัจฉริยะผ่านการใช้ AI, Data Analytic ในระดับสูง ตามมาตรฐานโครงข่ายระดับโลก เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการทำงานกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ที่เราพร้อมสนับสนุนการเติบโตร่วมกัน และยกระดับเศรษฐกิจจากฐานรากสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อประเทศต่อไป" นายสมชัย กล่าว