บมจ.ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PIN) ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 (PIN5) เพิ่มอีก 1,155 ไร่ รับดีมานด์นักลงทุนต่างชาติกระจายฐานการผลิต ชูแนวคิด Eco Industrial Town พร้อมศักยภาพทำเลที่ตั้งโครงการใน EEC รับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve เทคโนโลยีขั้นสูงกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและ Data Center คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67
นายสุจินต์ เรียนวิริยะกิจ กรรมการบริหาร PIN เปิดเผยว่า บริษัทได้เดินหน้าขยายพื้นที่นิคม PIN5 อีก 1,155 ไร่ จากเดิม 1,540 ไร่ ภายใต้งบลงทุนราว 2,500 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/67 ส่งผลให้นิคม PIN5 มีพื้นที่โครงการทั้งสิ้น 2,695 ไร่ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมและขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย เพื่อรองรับกับการลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตและอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน และ Data Center ส่งผลดีต่อการดำเนินงานของ PIN ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่ส่วนต่อขยายของ PIN5 อยู่ภายใต้แนวคิด Eco Industrial Town หรือนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นแกนหลักการออกแบบวางผังโครงการและบริการระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวกที่มุ่งเน้นการจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่กันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการจัดการด้านพลังงาน (Renewable Energy) โดยมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และนโยบายการนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดมาใช้ใหม่ในโครงการ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้แก่แรงงานที่อยู่ภายในโครงการและชุมชนโดยรอบให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน พร้อมบริการระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงเพื่อยกระดับนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งก้าวสู่การเป็น Smart City เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและบริหารจัดการเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยั่งยืน
"การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 3 ปีของ PIN เพื่อขยายพื้นที่โครงการนิคม PIN5 ที่มีความโดดเด่นด้านทำเลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC รองรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิต หรืออุตสาหกรรม S Curve ทำให้ PIN สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน" นายสุจินต์ กล่าว