TFEX หนุนสมาชิกทำตลาดฟิวเจอร์ส-ออปชั่น รับส่วนลดค่าธรรมเนียมสูงสุด 20%

          นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เปิดเผยว่า คณะกรรมการ บมจ. ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) มีมติอนุมัติโครงการส่งเสริมการซื้อขาย SET50 Index ออปชั่น เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ พ.ค.-ต.ค.51 โดยสมาชิกที่มีปริมาณการซื้อหรือขาย  SET50  Index ออปชั่นในแต่ละเดือนตั้งแต่ 1,000 สัญญาขึ้นไปจะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายในอัตราร้อยละ 10 , 15  และ 20 ตามปริมาณการซื้อขาย
          “การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นให้บริษัทสมาชิกของ TFEX พัฒนาบุคลากรในการขยายฐานลูกค้าของตนได้อย่าง
มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขาย SET50 Index ออปชั่น"นางเกศรา กล่าว 
          สมาชิกที่มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งฟิวเจอร์สและออปชั่นเดือนละ 10,000-20,000 สัญญา จะได้รับส่วนลดร้อยละ 10 สำหรับสมาชิกที่มีปริมาณการซื้อขาย 20,001-40,000 สัญญาจะได้รับส่วนลดร้อยละ 15 และสมาชิกที่มีปริมาณการซื้อขายมากกว่า 40,000 สัญญาจะได้รับส่วนลดร้อยละ 20 ทั้งนี้ ไม่นับรวมปริมาณซื้อขายที่เกิดจากการทำหน้าที่ market maker และเป็นส่วนลดจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (trading fee)
          นางเกศรา กล่าวว่า ลาดอนุพันธ์ยังได้จัดเตรียมหลักสูตรการอบรมเทคนิควิธีการซื้อขาย SET50 Index ออปชั่น โดยเน้นความรู้ความเข้าใจในภาคปฏิบัติให้แก่เจ้าหน้าที่การตลาดอนุพันธ์  นักวิเคราะห์ ผู้ลงทุนสถาบัน ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ โดยได้เชิญวิทยากรผู้มีประสบการณ์จริงมาให้การอบรม เพื่อการวิเคราะห์ราคาและกลยุทธ์การซื้อขาย SET50 Index ออปชั่น 
          นอกจากนี้ ตลาดอนุพันธ์ยังได้รับความร่วมมือจาก Options Industry Council (OIC) ซึ่งเป็นสถาบันที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้ด้านออปชั่นในสหรัฐอเมริกา จัดส่งผู้เชี่ยวชาญจาก International Securities Exchange (ISE) ซึ่งเป็นตลาดอนุพันธ์อันดับต้น ๆ ของโลกมาเปิดการอบรมเกี่ยวกับการซื้อขายออปชั่นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
          สำหรับปริมาณการซื้อขายในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2551 ตลาดอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 7,627 สัญญา คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยวันละ 4,230 ล้านบาท ประกอบด้วย SET50 Index Futures 7,313 สัญญา มูลค่า 4,228 ล้านบาท และ SET50 Index Options 314  สัญญา   มูลค่า 1.59 ล้านบาท   โดยมีสถานะคงค้างของทุกสัญญา  ณ  สิ้นไตรมาส รวมจำนวน  18,033    สัญญา   
          ทั้งนี้ ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 219 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2550 ที่มีการซื้อขายเฉลี่ยเพียงวันละ  2,391  สัญญา  และเพิ่มขึ้นร้อยละ  46  เมื่อเทียบกับปริมาณซื้อขายเฉลี่ยของปี  2550  ที่วันละ  5,219 สัญญา
          ด้านสัดส่วนการซื้อขายของผู้ลงทุนประเภทต่าง ๆ นั้นมีอัตราใกล้เคียงกับปี 2550 ที่ผ่านมา โดยมีผู้ลงทุนทั่วไปร้อยละ 55 
ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนต่างประเทศ ร้อยละ 23 และ 22 ตามลำดับ  โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2551 มีผู้เปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์รวมทั้งสิ้น 10,831 บัญชี เพิ่มขึ้นจาก 9,531 บัญชี เมื่อสิ้นปี 2550 คิดเป็นร้อยละ 14  
          บริษัทสมาชิกที่มีสัดส่วนการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ทรีนีตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส จำกัด  ร้อยละ 13.9  บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ร้อยละ 11.5  บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 10.9  บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 10.8  และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 6  ตามลำดับ  ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2551 ตลาดอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 15,963 สัญญา