นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) เปิดเผยว่า ในปี 66 บริษัทจะเร่งขับเคลื่อนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโต ทั้งด้านพลังงานสะอาด-พลังงานทดแทน ควบคู่ไปกับการศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึง การร่วมทุนพันธมิตรในระดับชั้นนำเพื่อยกระดับองค์กร สร้างมูลค่าเพิ่มสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวม 20% เมื่อเทียบจากปี 65 พร้อมทั้งรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 25% ของรายได้ยอดขายรวม โดยตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจในปีนี้ประมาณ 200-300 ล้านบาทขับเคลื่อน 2 กลุ่มธุรกิจ
1. กลุ่มธุรกิจ Trading ซึ่งเป็นการจำหน่ายสารเคมีอุปกรณ์ และเครื่องจักร โดยบริษัทฯเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งในกลุ่ม Industrial และกลุ่ม Energy เชิงรุก ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
2. ธุรกิจ Manufacturing - Energy โดยธุรกิจดังกล่าวถือเป็นดาวเด่นของปีนี้ เนื่องจากจะมีหลายๆโครงการที่จะทยอยเปิดดำเนินการ และรับรู้รายได้เข้ามาอย่างชัดเจนในปีนี้ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรฐกิจฐานรากขนาดการผลิตไฟฟ้า 3 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ทั้งนี้ คาดว่าลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในการเดินเครื่องผลิตได้ทันที, โครงการจัดการขยะเพื่อผลิตพลังงานทดแทนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งเฟสแรกเป็นโครงการบริหารจัดการขยะได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และได้มีการต่อยอดการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงจากขยะ หรือ RDF3 โดยการเซ็นสัญญาขาย RDF3 ให้กับโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ในสปป.ลาว เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตและพร้อมจำหน่าย RDF3 ได้ภายในเดือน มิ.ย.66 นี้
ขณะที่ ล่าสุด บริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นย่อยของ UAC สามารถผ่านเกณฑ์การประมูลโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in-Tariff (FiT) ปี 2565-2573 ได้จำนวน 6 โครงการ ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 14.25 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการตัดสินรอบสุดท้ายภายในเดือนมีนาคมนี้
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เตรียมการขยายการลงทุนสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมหมายเลข L10/43 ต่อ หลังจากในช่วงเดือน ต.ค.65 ประสบความสำเร็จจากการขุดเจาะปิโตรเลียมล็อตแรกจากแหล่งผลิตปิโตรเลียม L11/43 ซึ่งยังผลิตน้ำมันดิบได้อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการขยายการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) ที่ได้ร่วมมือกับ บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) โดยตั้งเป้าจะขยายให้ครบ 50 สถานี หรือ 150 หัวจ่าย ครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 2 ปีตามแผนที่วางไว้
"ภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงานในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวหลังจากการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้มทีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ การจ้างงานให้กับแรงงาน และรายได้ให้กับครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น " นายชัชพล กล่าว