นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจมาร์ท (JMART) กล่าวว่า ความร่วมมมือกับกลุ่มบริษัทบีทีเอส (BTS) แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะยังเห็นความร่วมมือกันเกิดขึ้นไม่มาก แต่ในปี 66 จะยังคงเห็น Synergy ที่เกิดขึ้นร่วมกันต่อและชัดเจนมากขึ้น ต่อยอดจากปีที่แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจประกันที่จะยังคงมีความร่วมมือกับแรบบิท ประกันชีวิต ในเครือบมจ.แรบบิท โฮลดิ้งส์ (RABBIT) มากขึ้น ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตให้กับเจมาร์ทและบีทีเอสที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงปีนี้
ขณะที่การขยายพื้นที่การขายสินค้าของร้านเจมาร์ทและการให้สินเชื่อบนพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าของ BTS ที่ให้บริการในปี 66 จะมีการขยายเพิ่มมากขึ้น จากปีก่อนที่มีเพียง 3 สาขา แต่ในปี 66 จะเพิ่มอีก 30 สาขา ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการวางแผนและหาแนวทางในการพัฒนารูปแบบร้านที่ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ที่เป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และต้องการความรวดเร็ว ทำให้รูปแบบของการซื้อสินค้าในร้านบนสถานี BTS จะต้องรวดเร็ว โดยเฉพาะการอนุมัติสินเชื่อที่จะใช้เวลาเพียง 3 นาที รวมถึงการมีพันธมิตรเครือข่ายมือถือชั้นนำของไทย คือ เอไอเอส เข้ามาเสริมในการขาย ทำให้รูปแบบโมเดลร้านค้าที่จะเปิดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้า BTS แข็งแกร่งมากขึ้น
นอกจากนี้จะยังมีการเปิดสาขาร้านกาแฟของ CASA LAPIN บนสถานีรถไฟฟ้า BTS เพิ่มเติม โดยจะใช้พื้นที่บางส่วนของร้าน TURTLE ในสถานี BTS เข้ามา Synergy ซึ่งเจมาร์ท ได้เข้าไปถือหุ้นใน บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) และนำสินค้า Gadget ที่ขายในร้านเจมาร์ทเข้าไปจำหน่ายในร้าน TURTLE ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายสินค้ของเจมาร์ทที่กระจายออกไปเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
"เจมาร์ทยังคงเหนียวแน่นกับบีทีเอส แม้ว่าในปีก่อนความร่วมมืออาจจะยังไม่เห็นภาพออกมาชัดเจนมาก แต่ในปีนี้หลังจากเราทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่และมีความพร้อมแล้ว จะเห็น Synergy ต่างๆที่ขับเคลื่อนออกมาร่วมกันระหว่างเจมาร์ทและบีทีเอส โดยเฉพาะพื้นที่รถไฟฟ้าของ BTS ที่ให้บริการ ซึ่งถือเป็นทำเลทอง" นายอดิศักดิ์ กล่าว