BVG ปิดเทรดวันแรกที่ 6.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.65 บาท (+68.83%) จากราคา IPO ที่ 3.85 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,583.35 ล้านบาท จากราคาเปิด 6.35 บาท ราคาสูงสุด 6.50 บาท ราคาต่ำสุด 5.10 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) เป็นธุรกิจที่มีความเป็นผู้นำในตลาดแพลตฟอร์มการให้บริการสำหรับบริษัทประกันรถยนต์แบบครบวงจร แต่อย่างไรก็ตามในเชิงของการเติบโตของ BVG ที่ผ่านมาค่อนข้างจำกัด และแผนการเติบโตของบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้ AI ในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและคู่ค้าเป็นการลดต้นทุนมากกว่า และการเติบโตในอนาคตจากการขยายตลาดไปยังต่างประเทศยังต้องรอดู ในเชิงของราคา IPO มองว่าที่ระดับ PER ที่ 34 เท่า และใช้การจ้างผู้พัฒนาภายนอกในการพัฒนาระบบทำให้มองว่าช่วงราคาที่ 3.85 บาท มีความเหมาะสมแล้ว
สำหรับกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจ 4 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการระบบแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน สำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ ("ระบบ EMCS") 2.ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ("บริการ TPA") 3.ธุรกิจการให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย 4. ธุรกิจการให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทประกันภัยมากที่สุดในประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากบริษัทประกันภัย 34 บริษัท จากบริษัทประกันภัยที่มีการรับประกันภัยรถยนต์ทั้งหมดจำนวน 39 บริษัท
โครงการในอนาคต ได้แก่ 1. โครงการ AI Estimate บริษัทฯ จึงมีแนวคิดในการจัดทำระบบรับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ออนไลน์ โดยไม่ต้องส่งเจ้าหน้าที่เซอร์เวย์ออกไปที่สถานที่เกิดเหตุ (Online Claim) และระบบการประเมินความเสียหายเบื้องต้น ด้วยระบบ AI (AI Estimate) โดยเป็น Feature เสริม ในระบบรับแจ้ง M-Survey
2. โครงการ AI Inspection คือระบบที่จะช่วยบริษัทประกันภัยในการตรวจสภาพรถยนต์ในขั้นตอนการออกหรือต่อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยขั้นตอนการใช้งานคือ เจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัยจะทำการติดต่อลูกค้าในรูปแบบ Video Call จากนั้นจะแนะนำลูกค้าให้ถ่ายรูปรถยนต์ตามรูปแบบที่ระบบ AI Inspection ต้องการ
3. โครงการ Garage Lending จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการเงินกู้ (สถาบันการเงิน) และอู่ซ่อมรถยนต์ที่ต้องการเงินกู้
4. การขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน
5. โครงการการพัฒนาระบบ Optical Character Recognition (OCR) เป็นเครื่องมือในการอ่านข้อมูลจากรูปภาพเป็นข้อความ (Text) เพื่อให้สามารถนำข้อมูลที่เป็นข้อความ (Text) เข้าระบบได้อัตโนมัติ ดังนั้น BVTPA จึงมีเป้าหมายในการนำ OCR มาใช้ เพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ โดยเป็นการลดการใช้กระดาษที่ปัจจุบันมีมากกว่า 6 ล้านแผ่นต่อปี
6. โครงการการพัฒนาระบบ AI Claim Assessment Automation (AAA) เปลี่ยนวิธีการทำงานที่ซ้ำซ้อนจากคนเป็น AI และเปลี่ยนหน้าที่คนจากการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน เป็นการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งทำให้สามารถลดต้นทุนได้
7. โครงการการพัฒนาระบบ TPA Evo Revolution II สามารถให้บริการผู้ใช้บริการของ TPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพและระบบรองรับการให้บริการที่มีความหลากหลายของเงื่อนไขความคุ้มครองมากขึ้น