บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ตั้งเป้าปี 66 ปริมาณขายรวม 5 แสนตัน คิดเป็นรายได้ราว 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากปริมาณออเดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้น ยอดส่งออกสินค้ามีความคล่องตัวมากขึ้น และเตรียมงบลงทุนสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน คาดว่าแล้วเสร็จในไตรมาส 1/67
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการขยายกำลังการผลิตสินค้าประเภทยางแท่งและยางแท่งผสม โดยการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 172,800 ตัน ใช้งบลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมการและการปรับปรุงที่ดิน ซึ่งคาดว่าโรงงานจะสร้างเสร็จในไตรมาส 1/67 ซึ่งภายหลังจากการขยายกำลังการผลิตดังกล่าว บริษัทจะมีกำลังการผลิตสินค้ารวมทั้งสิ้น 688,400 ตันต่อปี
ด้านธุรกิจสินค้าสำเร็จรูป (สินค้าปลายน้ำ) บริษัทมีแผนการทำการตลาด โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสินค้าสำเร็จรูป (สินค้าปลายน้ำ) ต่างๆ ที่ใช้ยางพาราเป็นวัตถุดิบหลักให้เป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนยอดขายสินค้าปลายน้ำจะเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปที่ใช้ส่วนผสมของยางพาราเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทในระยะยาว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 66 บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายรวมที่ 5 แสนตัน คิดเป็นรายได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดประเทศโดยเฉพาะจีน และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดกลุ่มลูกค้าประเทศต่างๆรวมถึงอินเดียเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นทั้งในจีน สิงคโปร์ อินเดีย และในไทย เพิ่มขึ้นอีกหลายราย
ส่วนผลการดำเนินงาน ปี 65 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า 25,172.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 746.40 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 3.06% เมื่อเทียบกับปี 2564 และมีกำไรสุทธิรวม 1,748.00 ล้านบาทซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.94% โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยในปี 2565 เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 64 ซึ่งราคาขายสินค้ายางเฉลี่ยในปี 65 สูงขึ้น 4.52% เมื่อเทียบกับปี 64 สำหรับต้นทุนขายในปี 65 บริษัทมีต้นทุนอยู่ที่ 22,116.16 ล้านบาทหรือคิดเป็น 87.86% ของรายได้จากการขาย